ธรรมอันพึงกำหนดรู้,สิ่งที่ควรรอบรู้ หรือรู้เท่าทันตามสภาวะของมัน
ไตรลักษณ์
ทุกขตา ๓
ธรรมนิยาม ๓
ธาตุ ๖
ขันธ์ ๕
นิยาม ๕
อายตนะ ๑๒
ไตรลักษณ์ (ลักษณะ ๓, อาการที่เป็นเครื่องกำหนดหมาย ๓ อย่าง อันให้รู้ถึงความจริงของสภาวธรรมทั้งหลาย ที่เป็นอย่างนั้นๆ ตามธรรมดาของมัน - Tilakkhana: the ThreeCharacteristics)
๑. อนิจจตา (ความเป็นของไม่เที่ยง - Aniccatà: impermanence; transiency)
๒. ทุกขตา (ความเป็นทุกข์ - Dukkhatà: state of suffering or being oppressed)
๓. อนัตตตา (ความเป็นของไม่ใช่ตน - Anattatà: soullessness; state of being not self)
S.IV.๑; Dh.๒๗๗–๙. สํ.สฬ.๑๘/๑/๑; ขุ.ธ.๒๕/๓๐/๕๑.
ทุกขตา ๓ (ความเป็นทุกข์, ภาวะแห่งทุกข์, สภาพทุกข์, ความเป็นสภาพที่ทนได้ยาก หรือคงอยู่ในภาวะเดิมไม่ได้ - Dukkhatà: state of suffering or being subject to suffering; conflict; unsatisfactoriness)
๑. ทุกขทุกขตา (สภาพทุกข์คือทุกข์ หรือความเป็นทุกข์เพราะทุกข์ ได้แก่ ทุกขเวทนาทางกายก็ตาม ใจก็ตาม ซึ่งเป็นทุกข์อย่างที่เข้าใจสามัญ ตรงตามชื่อ ตามสภาพ - Dukkha-dukkhatà: painfulness as suffering)
๒. วิปริณามทุกขตา (ความเป็นทุกข์เพราะความแปรปรวน ได้แก่ความสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์เมื่อต้องเปลี่ยนแปลงแปรไปเป็นอย่างอื่น - Vipariõàma-dukkhatà: suffering in change)
๓. สังขารทุกขตา (ความเป็นทุกข์เพราะเป็นสังขาร ได้แก่ตัวสภาวะของสังขาร คือสิ่งทั้งปวงซึ่งเกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง ที่ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายไป ทำให้คงสภาพอยู่ไม่ได้ พร่องอยู่เสมอ และให้เกิดทุกข์แก่ผู้ยึดถือด้วยอุปาทาน - Saïkhàra-dukkhatà: suffering due to formations; inherent liability to suffering)
D.III.๒๑๖; S.IV.๒๕๙; V.๕๖. ที.ปา.๑๑/๒๒๘/๒๒๙; สํ.สฬ.๑๘/๕๑๐/๓๑๘; สํ.ม.๑๙/๓๑๙/๘๕.
ธรรมนิยาม ๓ (กำหนดแห่งธรรมดา, ความเป็นไปอันแน่นอนโดยธรรมดา, กฎธรรมชาติ - Dhamma-niyàma: orderliness of nature; natural law)
๑. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา (สังขารคือสังขตธรรมทั้งปวงไม่เที่ยง - Sabbe saïkhàrà aniccà: all conditioned states are impermanent)
๒. สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา (สังขารคือสังขตธรรมทั้งปวงเป็นทุกข์ - Sabbe saïkhàrà dukkhà: all conditioned states are subject to oppression, conflict or suffering)
๓. สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา (ธรรมคือสังขตธรรมและอสังขตธรรม หรือสังขารและวิสังขารทั้งปวงไม่ใช่ตน - Sabbe dhammà anattà: all states are not-self or soulless)
หลักความจริงนี้ แสดงให้เห็นลักษณะ ๓ อย่าง ที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ ของสภาวธรรมทั้งหลาย (ดู[๗๖] ไตรลักษณ์) พระพุทธเจ้าจะอุบัติหรือไม่ก็ตาม หลักทั้งสามนี้ ก็คงมีอยู่เป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าเป็นแต่ทรงค้นพบ และนำมาเปิดเผยแสดงแก่เวไนย.
A.I.๒๘๕. องฺ.ติก.๒๐/๕๗๖/๓๖๘.
ธาตุ ๖ (Dhàtu: the six elements) ได้แก่ธาตุ ๔ หรือมหาภูต ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และ วาโยธาตุ นั้น กับเพิ่มอีก ๒ อย่าง คือ
๕. อากาสธาตุ (สภาวะที่ว่าง โปร่งไป เป็นช่อง - âkàsa-dhàtu: the space-element)
๖. วิญญาณธาตุ (สภาวะที่รู้แจ้งอารมณ์ ธาตุรู้ ได้แก่วิญญาณธาตุ ๖ คือ จักขุวิญญาณธาตุ โสต ~ ฆาน ~ ชิวหา ~ กาย ~ มโนวิญญาณธาตุ - Vi¤¤àõa-dhàtu: element of consciousness; consciousness-element)
M.III.๓๑; Vbh.๘๒. ม.อุ.๑๔/๑๖๙/๑๒๕; อภิ.วิ.๓๕/๑๑๔/๑๐
ขันธ์ ๕ หรือ เบญจขันธ์ (กองแห่งรูปธรรมและนามธรรมห้าหมวดที่ประชุมกัน เข้าเป็นหน่วยรวม ซึ่งบัญญัติเรียกว่า สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา–เขา เป็นต้น, ส่วนประกอบห้าอย่างที่รวมเข้าเป็นชีวิต - Pa¤ca-khandha: the Five Groups of Existence; Five Aggregates)
๑. รูปขันธ์ (กองรูป, ส่วนที่เป็นรูป, ร่างกาย พฤติกรรม และคุณสมบัติต่างๆ ของส่วนที่เป็นร่างกาย, ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด, สิ่งที่เป็นร่างพร้อมทั้งคุณและอาการ - Råpakhandha corporeality)
๒. เวทนาขันธ์ (กองเวทนา, ส่วนที่เป็นการเสวยรสอารมณ์, ความรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ - Vedanà-khandha: feeling; sensation)
๓. สัญญาขันธ์ (กองสัญญา, ส่วนที่เป็นความกำหนดหมายให้จำอารมณ์นั้นๆ ได้, ความกำหนดได้หมายรู้ในอารมณ์ ๖ เช่นว่า ขาว เขียว ดำ แดง เป็นต้น - Sa¤¤à-khandha: perception)
๔. สังขารขันธ์ (กองสังขาร, ส่วนที่เป็นความปรุงแต่ง, สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ, คุณสมบัติต่างๆ ของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ที่ปรุงแต่งคุณภาพของจิต ให้เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต - Saïkhàra-khandha: mental formations; volitional activities)
๕. วิญญาณขันธ์ (กองวิญญาณ, ส่วนที่เป็นความรู้แจ้งอารมณ์, ความรู้อารมณ์ทางอายตนะทั้ง ๖ มีการเห็น การได้ยิน เป็นต้น ได้แก่ วิญญาณ ๖ - Vi¤¤àõa-khandha: consciousness)
ขันธ์ ๕ นี้ ย่อลงมาเป็น ๒ คือ นาม และ รูป; รูปขันธ์จัดเป็นรูป, ๔ ขันธ์นอกนั้นเป็นนาม.อีกอย่างหนึ่ง จัดเข้าในปรมัตถธรรม ๔: วิญญาณขันธ์เป็น จิต, เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ และสังขารขันธ์ เป็น เจตสิก, รูปขันธ์ เป็น รูป, ส่วน นิพพาน เป็นขันธวินิมุต คือ พ้นจากขันธ์ ๕
เรื่องขันธ์ ๕ พึงดูประกอบในหมวดธรรมอื่นๆ เช่น
๑. รูปขันธ์ : รูป ๒, ๒๘; มหาภูต ๔; อุปาทายรูป ๒๔.
๒. เวทนาขันธ์ : เวทนา ๒; เวทนา ๓; เวทนา ๕; เวทนา ๖.
๓. สัญญาขันธ์ : สัญญา ๖.
๔. สังขารขันธ์ : สังขาร ๓; สังขาร ๓; อภิสังขาร ๓; เจตนา ๖.
๕. วิญญาณขันธ์ : วิญญาณ ๖.
S.III.๔๗; Vbh.๑. สํ.ข.๑๗/๙๕/๕๘; อภิ.วิ.๓๕/๑/๑.
นิยาม ๕ (กำหนดอันแน่นอน, ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอนของธรรมชาติ, กฎธรรมชาติ - Niyàma: orderliness of nature; the five aspects of natural law)
๑. อุตุนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับอุณหภูมิ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ โดยเฉพาะดิน น้ำ อากาศ และฤดูกาล อันเป็นสิ่งแวดล้อมสำหรับมนุษย์ - Utu-niyàma: physical inorganic order; physical laws)
๒. พีชนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ มีพันธุกรรมเป็นต้น - Bãja-niyàma: physical organic order; biological laws)
๓. จิตตนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต - Citta-niyàma: psychic law)
๔. กรรมนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการกระทำของมนุษย์ คือ กระบวนการให้ผลของการกระทำ - Kamma-niyàma: order of act and result; the law of Kamma; moral laws)
๕. ธรรมนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับความสัมพันธ์และอาการที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กันแห่งสิ่งทั้งหลาย - Dhamma-niyàma: order of the norm; the general law of cause and effect; causality and conditionality)
DA.II.๔๓๒; DhsA.๒๗๒. ที.อ.๒/๓๔; สงฺคณี.อ.๔๐๘.
อายตนะ ๑๒ (สิ่งที่เชื่อมต่อกันให้เกิดความรู้, แดนต่อหรือแดนเกิดแห่งความรู้ - âyatana: sense-fields; sense-spheres)
๑. อายตนะภายใน ๖
๒. อายตนะภายนอก ๖
Vbh.๗๐. อภิ.วิ.๓๕/๙๙/๘๕.
อายตนะภายใน ๖ (ที่เชื่อมต่อให้เกิดความรู้, แดนต่อความรู้ฝ่ายภายใน — Ajjhattikãyatana: internal sense-fields) บาลีเรียก อัชฌัตติกายตนะ
๑. จักขุ (จักษุ, ตา — Cakkhu: the eye)
๒. โสตะ (หู — Sota: the ear)
๓. ฆานะ (จมูก — Ghãna: the nose)
๔. ชิวหา (ลิ้น — Jivhã: the tongue)
๕. กาย (กาย — Kãya: the body)
๖. มโน (ใจ — Mana: the mind)
ทั้ง ๖ นี้ เรียกอีกอย่างว่า อินทรีย์ ๖ เพราะเป็นใหญ่ในหน้าที่ของตนแต่ละอย่าง เช่น จักษุ เป็นเจ้าการในการเห็น เป็นต้น
D.III.๒๔๓; M.III.๒๑๖; Vbh.๗๐. ที.ปา.๑๑/๓๐๔/๒๕๕; ม.อุ.๑๔/๖๑๙/๔๐๐; อภิ.วิ.๓๕/๙๙/๘๕.
อายตนะภายนอก ๖ (ที่เชื่อมต่อให้เกิดความรู้, แดนต่อความรู้ฝ่ายภายนอก — Bãhirãyatana: external sense-fields) บาลีเรียก พาหิรายตนะ
๑. รูปะ (รูป, สิ่งที่เห็น หรือ วัณณะ คือสี — Rûpa: form; visible objects)
๒. สัททะ (เสียง — Sadda: sound)
๓. คันธะ (กลิ่น — Gandha: smell; odour)
๔. รสะ (รส — Rasa: taste)
๕. โผฏฐัพพะ (สัมผัสทางกาย, สิ่งที่ถูกต้องกาย — Photฺtฺhabba: touch; tangible objects)
๖. ธรรม หรือ ธรรมารมณ์ (อารมณ์ที่เกิดกับใจ, สิ่งที่ใจนึกคิด — Dhamma: mind-objects)
ทั้ง ๖ นี้ เรียกทั่วไปว่า อารมณ์ ๖ คือ เป็นสิ่งสำหรับให้จิตยึดหน่วง
D.III.๒๔๓; M.III.๒๑๖; Vbh.๗๐. ที.ปา.๑๑/๓๐๔/๒๕๕; ม.อุ.๑๔/๖๑๙/๔๐๐; อภิ.วิ.๓๕/๙๙/๘๕.
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250