ฉายา: ผู้สูงสุดในหมู่ชน
ความสูง: ๕๘ ศอก
รัศมี: แผ่ซ่านออกไปเหลือประมาณ
บำเพ็ญบารมี: ๑๖ อสงไขยแสนกัป
วรรณะ: กษัตริย์
พุทธบิดา: ยสวา
พุทธมารดา: ยโสธราเทวี
พระนคร: จันทวดี
ใช้ชีวิตฆราวาส: ๑๐,๐๐๐ ปี
มเหสี: สิริมา
บุตร: อุปสาละ
ยานพาหานะที่ใช้ออกบวช: ทรงเสลี่ยงออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร: ๑๐ เดือน
ต้นไม้ตรัสรู้: ที่โคนต้นอัชชนะ (ต้นกุ่ม)
๑๑. พระอโนมทัสีพุทธเจ้า
อโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗
ว่าด้วยพระประวัติพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตมีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงพระยศนับไม่ได้ มีพระเดชยากที่จะล่วงได้พระองค์ทรงตัดเครื่องผูกทุกอย่าง ทรงทำลายภพ ๓ แล้ว ทรงแสดงทางที่ไปไม่กลับ ในหมู่เทวดาและมนุษย์ พระองค์ทรงพระคุณนับไม่ได้ดังมหาสมุทร ยากที่จะให้จมลงเหมือนภูเขา ไม่มีที่สุดดุจอากาศ พระคุณบานเต็มที่เช่นพญารัง สัตว์ทั้งหลายย่อมยินดีแม้ด้วยการเห็นพระองค์สัตว์เหล่านั้นได้ฟังพระสุรเสียงที่ทรงเปล่งย่อมบรรลุอมตธรรม ในกาลนั้น ธรรมาภิสมัยของพระองค์เจริญรุ่งเรืองในพระธรรมเทศนาครั้งที่ ๑ สัตว์ร้อยโกฏิได้ตรัสรู้ สมัยต่อแต่นั้นมา เมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตก ในพระธรรมเทศนาครั้งที่ ๒ สัตว์แปดสิบโกฏิได้ตรัสรู้ และสมัยต่อมาเมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตกให้สัตว์ทั้งหลายอิ่มหนำสำราญธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์ ๗๘ โกฏิ พระบรมศาสดา ได้ทรงประชุมพระภิกษุผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรม ผู้บานแล้วด้วยการหลุดพ้น ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพผู้ละความมัวเมา และความหลง มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ มาประชุมแปดแสน ครั้งที่ ๒ พระภิกษุขีณาสพผู้ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากธุลี สงบระงับคงที่ มาประชุมเจ็ดแสน ครั้งที่ ๓ พระภิกษุขีณาสพผู้บรรลุอภิญญา และพลธรรมผู้ดับสนิท มีตบะ มาประชุมหกแสน สมัยนั้น เราเป็นยักษ์มีฤทธิ์มาก เป็นใหญ่ ปกครองยักษ์หลายโกฏิให้อยู่ใน
อำนาจ แม้ครั้งนั้น เราก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้ทรงแสวงหาคุณใหญ่หลวงพระองค์นั้นแล้วได้ถวายข้าวและน้ำให้พระองค์เสวยพร้อมด้วยพระสงฆ์จนเพียงพอ แม้พระมุนีผู้มีพระนัยนาบริสุทธิ์พระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็ยินดีมีใจปราโมทย์ อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้น พระนครชื่อว่าจันทวดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่ายสวา เป็นพระชนกของพระอโนมทัสสีศาสดา พระชนนีพระนามว่ายโสธรา พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อศิริ อุปศิริ และวัฑฒะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสองหมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสี พระนามว่าสิริมา พระราชโอรสพระนามว่าอุปสาละ พระองค์ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทองทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๑๐ เดือนเต็ม
พระมหามุนีอโนทัสสีมหาวีรเจ้าอันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ สุทัสนราชอุทยานอันประเสริฐ ทรงมีพระนิสภเถระและพระอโนมเถระเป็นพระอัครสาวกพระเถระชื่อว่าวรุณเป็นพุทธุปัฏฐาก พระสุนทราเถรีและพระสุมนาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคนั้นเรียกว่าต้นกุ่ม นันทิวัฑฒอุบาสกและสิริวัฑฒอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐากอุปลาอุบาสิกาและปทุมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิภา พระมหามุนีมีพระองค์สูง ๕๘ ศอก มีพระรัศมีซ่านออกสว่างไสวดังพระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น ในครั้งนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุแสนปี พระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้เป็นอันมาก พระศาสนาของพระองค์บานสะพรั่งงดงามด้วยพระอรหันต์ทั้งหลายผู้คงที่ผู้ปราศจากราคะและมลทิน พระศาสดาผู้ทรงยศนับไม่ได้และคู่พระสาวกผู้ไม่มีใครแม้นเสมือนหายไปหมดสิ้นแล้วสังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระอโนมทัสสี พระบรมศาสดาชินเจ้า เสด็จนิพพาน ณ ธรรมาราม พระสถูปของพระองค์สูง ๒๐ โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ ธรรมารามนั้น ฉะนี้แล.
จบอโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250