วันที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรม 'ปฐมเทศนา' ดังที่เห็นอยู่ในภาพนั้นคือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นรุ่งขึ้นหลังจากเสด็จมาถึงและพบเบญจวัคคีย์ คือ วันอาสาฬหบูชานั่นเอง ผู้ฟังธรรมมี ๕ คน ที่ เรียกว่า 'เบญจวัคคีย์' เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรงปฏิเสธสิ่งที่คน คือนักบวช สมัยนั้นนิยมทำกัน คือ เรื่องทรมานตนให้ลำบากและการปล่อยชีวิตไปตามความใคร่ ทรงปฏิเสธว่า ทั้ง สองทางนั้น พระองค์เคยทรงผ่านและทรงทดลองมาแล้ว ไม่ใช่ทางตรัสรู้เลย แล้วทรงแนะนำทางสาย กลางที่เรียกว่า 'มัชฌิมาปฏิปทา' คือปฏิบัติดีปฏิบัติตามมรรค ๘ ที่กล่าวโดยย่อคือ ศีล สมาธิและปัญญา
เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว พระสาวกรุ่นทำสังคายนาตั้งชื่อเรื่องเทศน์กัณฑ์ที่พระพุทธเจ้าทรง แสดงครั้งแรกนี้ว่า 'ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร' หรือเรียกโดยย่อว่าธรรมจักร โดยเปรียบเทียบการแสดง ธรรมของพระพุทธเจ้าครั้งนี้ว่า เหมือนพระเจ้าจักรพรรดิทรงขับจักรหรือรถศึกแผ่พระบรมเดชานุภาพ ต่างแต่จักรหรือรถศึกของพระพุทธเจ้าเป็นธรรม หรือธรรมจักร
พอแสดงธรรมกัณฑ์นี้จบลง โกณฑัญญะ ผู้หัวหน้าเบญจวัคคีย์ได้เกิดดวงตาเห็นธรรม คือ ได้บรรลุ เป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าจึงเปล่งอุทานด้วยความเบิกบานพระทัย เมื่อเห็นโกณฑัญญะได้ฟังธรรม แล้วสำเร็จมรรคผลที่แม้จะเป็นขั้นต่ำ "อัญญาสิ วตโภ โกณฑัญโญ ฯลฯ" แปลว่า "โอ! โกณฑัญญะ ได้รู้แล้ว ได้สำเร็จแล้ว" ตั้งแต่นั้นมา ท่านโกณฑัญญะจึงมีคำหน้าชื่อเพิ่มขึ้นว่า 'อัญญาโกณฑัญญะ'
โกณฑัญญะฟังธรรมจบแล้ว ได้ทูลขอบวชเป็นพระภิกษุ พระพุทธเจ้าจึงทรงประทานอนุญาตให้ ท่านบวชด้วยพระดำรัสรับรองเพียงว่า "เธอจงเป็นภิกษุ มาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้วเธอจงประพฤติ พรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด" พระวาจานั้นแลได้เป็นอุปสมบทของท่าน ส่วนอีก ๔ ที่เหลือ นอกนั้น ต่อมาได้สำเร็จและได้บวชเช่นเดียวกับพระโกณฑัญญะ
ภิกษุ ท. ! มีสิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโด่งอยู่ ๒ สิ่ง ที่บรรพชิตไม่ควรข้องแวะด้วยสิ่งที่แล่นดิ่งไปสุดโด่งนั้นคืออะไร ? คือ การ ประกอบตนพัวพันอยู่ด้วยความใคร่ในกาม ท. อันเป็นการกระทำที่ยังต่ำเป็นของชาวบ้าน เป็นของคนชั้นบุถุชน ไม่ใช่ของ พระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์; และการประกอบความเพียรในการทรมานตนให้ลาบาก อันนำมาซึ่งความทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์; สองอย่างนี้แล.
ภิกษุ ท.! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง ที่ไม่ดิ่งไปหาสิ่งสุดโต่ง ๒ อย่างนั้น เป็นข้อปฏิบัติที่ตถาคตได้ตรัสรู้เฉพาะแล้ว เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำให้เกิดญาณ เป็นไปเพื่อความสงบเพื่อความรู้อันยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เป็นไปเพื่อนิพพาน.
วิ. มหา. ๔/๑๓/๑๗, สํ. มหา. ๑๙/๑๖๖๔/๕๒๘; ตรัสแก่ภิกษุป๎ญจวัคคีย์ ที่อิสิปตนมฤคทายวัน
(พุทธทาสภิกขุ : พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หน้า ๒๔๗)
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250