เมื่อฝนโบกขรพรรษตกลงมาเป็นห่าใหญ่ พระสงฆ์สาวกที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้าครั้งนี้ เห็นเป็นที่ อัศจรรย์ จึงสนทนากันด้วยพิศวงว่า ฝนเช่นนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน พระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกพระสงฆ์ว่า ฝนโบกขรพรรษตกในสมัยที่พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้านั้นไม่น่าอัศจรรย์เลย แต่ที่น่าอัศจรรย์คือ ฝน โบกขรพรรษตกในสมัยที่พระองค์พระชาติเป็นพระเวสสันดร
พระสงฆ์ทั้งปวงใคร่สดับเรื่องราวของเวสสันดร จึงทูลอาราธนาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงตรัส เรื่องเวสสันดรชาดกตั้งแต่ต้นจนถึงตอนพระเวสสันดรเสด็จนิวัติกลับเข้าเมือง และเกิดฝนโบกขรพรรษ ตกลงมาเป็นห่าใหญ่เหมือนคราวนี้ เรื่องเวสสันดรชาดกที่คนไทยผู้นับถือพระพุทธศาสนาอาราธนาสงฆ์ เทศน์ให้ฟังที่เรียกว่า 'เทศน์มหาชาติ' ทุกวันนี้ เกิดขึ้นจากพระพุทธเจ้าตรัสเทศนาครั้งนี้ คือ ในคราว เสด็จโปรดพระประยูรญาติเป็นครั้งแรกนี้เอง
ฝ่ายประยูรญาติทั้งปวง รวมทั้งพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาด้วย ต่างถวายบังคมพระพุทธเจ้า แล้ว ทูลลาเสด็จกลับเข้าเมือง แต่จะได้มีผู้หนึ่งผู้ใดทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าไปทรงรับ อาหารบิณฑบาตที่ นิเวศน์ของตนก็หาไม่ รุ่งเช้า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารทั้งหมด จึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาต ในเมือง ชาวเมืองแตกตื่นกันโกลาหล ด้วยไม่เคยคิดว่าพระพุทธเจ้าซึ่งกษัตริย์โดยพระชาติกำเนิด จะ เสด็จภิกขา แปลความหมายให้เป็นภาษาสามัญที่สุภาพหน่อยก็ว่า เที่ยวขอเขากิน
ปฐมสมโพธิรายงานเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า "ในขณะนั้นบรรดามหาชนชาวเมืองแจ้งว่า พระผู้เป็น เจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารเที่ยวภิกขาจารบิณฑิบาต ดังนั้น ก็ชวนกันเปิดแกลแห่งเรือนทั้งหลายต่างๆ อันมีพื้น ๒ ชั้น แล ๓ ชั้น เป็นต้น แต่ล้วนขวนขวายในกิจที่จะเล็งแลดูพระสัพพัญญู อันเสด็จเที่ยว บิณฑบาตทั้งสิ้น"
แม้พระนางพิมพายโสธราผู้เคยเป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะหรือพระพุทธเจ้า ซึ่งมีพระทัยไม่เคยสร่างพระโสกีตลอดมา ได้ยินเสียงชาวเมืองอื้ออึง ถึงเรื่องพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าเมืองมาตามถนน ก็จูงพระหัตถ์ราหุลผู้โอรส ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุได้ ๗ ปี เสด็จไปยังช่องพระแกล ครั้นเห็นพระพุทธเจ้า เสด็จนำหน้าพระสงฆ์มา พระนางก็ทรงชี้ให้ราหุลดู และตรัสบอกโอรสว่า "นั่นคือพระบิดาของเจ้า"
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250