ในขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ภายใต้ร่มพฤกษาริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งอยู่ในระหว่างทางที่จะไปยังเมืองกุสินารานั้น ได้มีชายผู้หนึ่งนามว่าปุกกุสะ ผู้เป็นบุตรของมัลลกษัตริย์ เดินทางมาจากเมืองกุสินาราจะไปยังเมืองปาวา มาถึงตรงที่พระพุทธเจ้าประทับหยุดพักจึงเข้าไปพัก พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้เขา ฟังเกี่ยวกับเรื่องธรรมอันเป็นสันติ ปุกกุสะฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงถวายผ้าสิงคิวรรณสองผืนแด่พระพุทธเจ้า ผ้าสิงคิวรรณ คือผ้าเนื้อดี ละเอียด ประณีต มีสีเหมือนสิงคี 'สิงคี' แปลว่า ทองคำ
เขากราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ผ้าสิงคิวรรณคู่นี้ผืนหนึ่งสำหรับห่ม อีกผืนหนึ่งสำหรับนุ่งเป็นผ้าพิเศษ เนื้อเกลื้อง ตัวเขาเคยนุ่งห่มเป็นครั้งคราว เขาได้เก็บรักษาไว้ แต่บัดนี้จะขอถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธ เจ้าทรงรับผืนหนึ่ง อีกผืนหนึ่งทรงบอกให้ปุกกุสะนำไปถวายพระอานนท์ ชายผู้นั้นได้ทำตามพุทธประสงค์ กราบถวายอภิวาทพระบาทพระพุทธเจ้า แล้วออกเดินทางต่อไป
หลังจากนั้น พระอานนท์ได้นำผ้าที่ชายผู้นั้นถวายท่านเข้าไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรง นุ่งผืนหนึ่งและห่มอีกผืนหนึ่ง พอพระพุทธเจ้าทรงนุ่งและห่มผ้าสิงคิวรรณแล้ว ปรากฎว่าพระกายของ พระพุทธเจ้าฉายพระรัศมีเปล่งปลั่งและผุดผ่องผิดปกติยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่พระอานนท์เคยเห็นมา พระ อานนท์จึงกราบทูลกับพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์มาก พระพุทธเจ้าตรัสพระอานนท์บอกว่า พระกาย ของพระองค์มีพระรัศมีเปล่งปลั่งผิดปกติ มีอยู่สองครั้งเท่านั้น ครั้งหนึ่งเมื่อตรัสรู้ใหม่ๆ อีกครั้ง หนึ่ง คือเมื่อก่อนวันจะปรินิพพานคือวันนี้ แล้วตรัสว่า
"ดูก่อนอานนท์! สิ้นสุดคืนวันนี้ เราจักนิพพานแล้ว มาเดินทางต่อไปยังกุสินารากันเถิด"
พระอานนท์รับพุทธาณัติ คือคำสั่งจากพระพุทธเจ้า แล้วเรียนให้พระสงฆ์ทั้งปวงที่ตามเสด็จให้ ทราบเพื่ออกเดินทางต่อไป
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250