อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๕๙)
สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา
เนวชฺฌคา ปิยตรตฺตนา กฺวจิ
เอวมฺปิ โส ปุถุ อตฺตา ปเรสํ
ตรวจดูด้วยจิตทั่วทุกทิศแล้ว ไม่พบใครที่ไหน
เป็นที่รักยิ่งกว่าตนเองเลย คนอื่นก็รักตนมากเช่นเดียวกัน
ตสฺมา น หึเส ปรํ อตฺตกาโม
ฉะนั้น ผู้รักตน จึงไม่ควรเบียดเบียนคนอื่น
๒๕๙ [๑๐.๐๑] (๒๕/๑๑๐)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนเราโดยสามัญสำนึกแล้วจะมีความรักในตัวเอง มากยิ่งกว่าใครๆ จนกระทั่งบางคน ถือว่าเป็นการรักแบบเห็นแก่ตัว
- ความรักตน ที่ถูกต้องจะต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
- เราชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด คนอื่นก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
- ดังนั้น คนเราไม่ควรที่จะเบียดเบียนกัน
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๑)
ทุกฺขิตสฺส สกฺกจฺจ กโรติ กิจฺจํ
ช่วยเหลือคนเดือดร้อน ด้วยความตั้งใจ
๒๖๑ [๑๐.๐๓] (๒๗/๒๔๖๖)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- ในเมื่อมีความต้องการจะทำความดี โดยการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ก็ให้ทำด้วยความตั้งใจ
- การช่วยเหลือด้วยความตั้งใจ ในยามที่เขาเดือดร้อน อาจจะทำให้ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องพึ่งพาคนที่เราเคยช่วย
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๒)
สนฺโต สตฺตหิเต รตา
คนดี ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
๒๖๒ [๑๐.๐๔] (ชา.อ.๑/๒๓๐)
คติสอนใจ
- ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก เป็นธรรมชาติของการให้ ทำให้ผู้ให้เป็นที่รักของผู้รับ ผู้ที่หวังแต่จะรับของจากผู้อื่นถ่ายเดียว ย่อมเป็นที่เบื่อหน่าย
- การให้จะต้องให้ผู้รับรู้คุณค่าของที่รับ และนำไปก่อประโยชน์ เพื่อให้นำไปสร้างให้งอกเงยตามมา จึงจะเป็นการให้ที่จะทำให้มีฐานของเงินทุน เช่น มีการกำหนดต้นทุนทางการเงินว่าเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้ผู้รับตระหนักว่าต้องทำกำไรเท่าไหร่
- แต่ถ้าเป็นการให้เป็นการตามใจลูกๆ จะขอเท่าไหร่ก็ให้ โดยที่ลูกจะนำไปใช้ฟุ่มเฟือยอย่างไรก็ไม่ว่ากล่าว เป็นการให้ที่สร้างนิสัยเสียให้แก่ลูกๆ รักเงิน ไม่รักเรา และเห็นใจเรา ลูกไม่ได้รู้คุณค่าของเงิน ใช้เงินอย่างเดียว โดยคิดว่าพ่อแม่ร่ำรวย นี่เป็นทางสู่หายนะ ท่านต้องการเป็นที่รักของลูกๆ แบบนี้หรือ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๓)
สพฺเพสํ สหิโต โหติ
คนดี บำเพ็ญประโยชน์แก่ปวงชน
๒๖๓ [๑๐.๐๕] (๒๓/๑๒๘)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนดีชอบบำเพ็ญประโยชน์แก่ปวงชน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ช่วยเพราะต้องการให้ผู้เดือดร้อนพ้นทุกข์ ดังเช่นพระพุทธเจ้า
- การบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นจะดีได้ก็ต่อเมื่อไม่ทำให้คนในครอบครัวเดือดร้อน
- ดังนั้น การที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ดีนั้น จะต้องช่วยให้ทุกคนในครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขก่อน
- การช่วยผู้อื่นจะได้บุญบารมีจะต้องไม่มีอะไรซ่อนเร้น หรือแสวงหาประโยชน์
- คนดีเป็นคนที่มีความเมตตา ชอบช่วยเพื่อนมนุษย์
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๕)
น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ
ในโลกนี้ เวรระงับด้วยเวร ไม่เคยมี
๒๖๕ [๑๐.๐๗] (๒๕/๑๑)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- เวรจะระงับด้วยการหยุดจองเวรซึ่งกันและกัน
- คนที่มีพฤติกรรมชอบจองเวร แก้แค้นกันไปมา จะไม่หยุดการล้างแค้น จองเวรกันข้ามภพข้ามชาติ
- ดังนั้น ถ้าเราต้องการให้สังคมมีความสงบสุข จะต้องหยุดการจองเวร เป็นคุณธรรมที่สำคัญของการเป็นมนุษย์
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๖)
ปูชโก ลภเต ปูชํ
ผู้บูชา ย่อมได้บูชาตอบ
๒๖๖ [๑๐.๐๘] (๒๘/๔๐๑)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- เป็นธรรมดาของคนดี เมื่อเราบูชาเขา เราย่อมได้รับการบูชาตอบ
- เมื่อเราบูชาเขา เขาย่อมเห็นว่าเราเป็นมิตร
- ผู้บูชาย่อมได้การบูชาตอบ ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ไม่บูชาใครเลย ก็ย่อมจะไม่มีผู้ใดบูชาเลยเช่นกัน
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๗)
วนฺทโก ปฏิวนฺทนํ
ผู้ไหว้ ย่อมได้การไหว้ตอบ
๒๖๗ [๑๐.๐๙] (๒๘/๔๐๑)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- เมื่อเราไหว้ผู้ใดก็ตาม ย่อมได้รับการไหว้ตอบเปรียบเหมือนการนับถือที่ให้ซึ่งกันและกัน
- แต่ถ้าผู้ใดที่เราไหว้เขาแล้ว มิได้มีการไหว้ตอบ ผู้ที่ไหว้ก็จะให้ความเคารพนับถือน้อยลงและมองผู้ไม่รับไหว้ว่ามีความหยิ่งยะโส เป็นคนที่ไม่น่าคบ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๘)
สุขสฺส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจฺฉติ
คนฉลาด ให้ความสุข ย่อมได้ความสุข
๒๖๘ [๑๐.๑๐] (๒๒/๓๗)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- การเป็นผู้ให้ ย่อมนำมาซึ่งความสุข เช่น หากเราฉลาดและกอปรด้วยความเมตตากรุณาต่อผู้ใต้บังคับบัญชาๆ ก็มีความสุขในการทำงาน ผลงานก็จะออกมาดี การทำงานก็จะอยู่กันด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยเงิน
- คนจำนวนมาก ทำงานในที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลาหลายปี ไม่ใช่เพราะได้เงินเดือนหรือผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่เพราะมีความสุขในการทำงาน ประสิทธิภาพของการทำงานก็ออกมาดี
- การสร้างบรรยากาศในที่ทำงานให้มีความสุขจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรนาน
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๖๙)
ททํ มิตฺตานิ คนฺถติ
เมื่อให้ไป ย่อมผูกไมตรีไว้
๒๖๙ [๑๐.๑๑] (๑๕/๘๔๕)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- การให้จะผูกมิตรไว้ได้ จะต้องเป็นการให้ด้วยความจริงใจ
- การให้ที่มีวาระซ่อนเร้น โดยหวังผลตอบแทนที่สูงกว่า อาจจะทำให้ผู้รับต้องระมัดระวังตัวจากการที่จะรับของที่ให้
- การให้ต้องให้ถูกกาละเทศะ จึงจะมีความหมาย เช่น ในวันเกิด วันขึ้นปีใหม่
- การให้ที่ผิดเวลา สถานที่ ให้โดยไม่มีเหตุผล อาจจะถูกตีความได้ว่า เป็นการซื้อตัว หรือคอรัปชั่น ซึ่งจะไม่เป็นการผูกมิตรแท้จริง
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๐)
ททมาโน ปิโย โหติ
ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก
๒๗๐ [๑๐.๑๒] (๒๒/๓๕)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก เป็นธรรมชาติของการให้ ทำให้ผู้ให้เป็นที่รักของผู้รับ ผู้ที่หวังแต่จะรับของจากผู้อื่นถ่ายเดียว ย่อมเป็นที่เบื่อหน่าย
- การให้จะต้องให้ผู้รับรู้คุณค่าของที่รับ และนำไปก่อประโยชน์ เพื่อให้นำไปสร้างให้งอกเงยตามมา จึงจะเป็นการให้ที่จะทำให้มีฐานของเงินทุน เช่น มีการกำหนดต้นทุนทางการเงินว่าเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้ผู้รับตระหนักว่าต้องทำกำไรเท่าไหร่
- แต่ถ้าเป็นการให้เป็นการตามใจลูกๆ จะขอเท่าไหร่ก็ให้ โดยที่ลูกจะนำไปใช้ฟุ่มเฟือยอย่างไรก็ไม่ว่ากล่าว เป็นการให้ที่สร้างนิสัยเสียให้แก่ลูกๆ รักเงิน ไม่รักเรา และเห็นใจเรา ลูกไม่ได้รู้คุณค่าของเงิน ใช้เงินอย่างเดียว โดยคิดว่าพ่อแม่ร่ำรวย นี่เป็นทางสู่หายนะ ท่านต้องการเป็นที่รักของลูกๆ แบบนี้หรือ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๑)
ทีปํ หิ เอตํ ปรมํ นรานํ
ยํ ปณฺฑิตา โสกนุทา ภวนฺติ
บัณฑิตสามารถปัดเป่าความเศร้าโศกของคนอื่นได้
จึงจัดว่าเป็นที่พึ่งยอดเยี่ยมของคนทั้งหลาย
๒๗๑ [๑๐.๑๓] (๒๘/๓๓๓)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนที่มีความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาของคนอื่นได้ จัดได้ว่าเป็นที่พึ่งยอดเยี่ยมของคนทั้งหลาย
- ควรจะคบคนที่มีความสามารถ และมีอุปนิสัยในการชอบช่วยเหลือผู้อื่น
- ชีวิตคนเราไม่ต้องคบคนเป็นจำนวนมาก แต่ช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้เลย ยามที่เราต้องการความช่วยเหลือ
- มีเพื่อนน้อยคน แต่ละคนล้วนมีความสามารถและมีจิตใจพร้อมช่วยเรายามต้องการย่อมเป็นที่พึงปรารถนา ฉะนั้นการคบคนควรจะรู้จักนิสัยใจคอว่าเขาเป็นคนเช่นใด
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๓)
นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา
คนใจการุณย์ ช่วยแก้ไขคนให้หายโศกเศร้า
๒๗๓ [๑๐.๑๕] (๒๗/๑๔๙๒)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนที่มีจิตใจการุณย์ ( มีความเมตตา กรุณา ) สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้
- การคบคนที่มีน้ำใจ จะช่วยทำให้มีที่พึ่งยามที่เราต้องการความช่วยเหลือ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๔)
เนกาสี ลภเต สุขํ
กินคนเดียว ไม่ได้ความสุข
๒๗๔ [๑๐.๑๖] (๒๗/๑๖๗๔)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- กินคนเดียวไม่ได้มีความสุข เพราะขาดคนคอยพูดคุยเพื่อให้มีบรรยากาศรื่นเริง
- กินคนเดียวทำให้เงียบเหงา เปรียบเสมือนคนขาดเพื่อนที่จะปรึกษา ปรับทุกข์ หรือคุยเล่น
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๕)
น ภุญฺเช สาธุเมกโก
ไม่พึงบริโภคของอร่อยผู้เดียว
๒๗๕ [๑๐.๑๗] (๒๘/๙๔๙)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- ไม่พึงบริโภคของอร่อยผู้เดียว เพราะการมีผู้อื่นร่วมรับประทานอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติมากขึ้น เพราะมีการพูดคุยเรื่องต่างๆ
- ในความเปรียบเทียบ การมีของอร่อยและเชิญผู้อื่นมาร่วมด้วยแสดงว่าเป็นคนเอื้อเฟื้อ แบ่งปันไม่เห็นแก่ตัว เมื่อคนอื่นมีของอร่อยเขาก็จะคิดถึงเราด้วย
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๗)
โย มาตรํ ปิตรํ วา ชิณฺณกํ คตโยพฺพนํ
ปหุสนฺโต น ภรติ ตํ ปราภวโต มุขํ
คนใด มารดาบิดาแก่เฒ่า ล่วงพ้นวัยหนุ่มวัยสาวไปแล้ว
ตนเองสามารถ ก็ไม่เลี้ยงดู นั้นคือปากทางของความเสื่อม
๒๗๗ [๑๐.๑๙] (๒๕/๓๐๔)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนใดที่ไม่มีความกตัญญูรู้คุณของพ่อแม่ โดยเฉพาะเวลาท่านทั้งสองแก่เฒ่า ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ คนประเภทนี้มีแต่จะพบทางเสื่อมของชีวิต
- การแวะเวียนเยี่ยมพ่อแม่ยามที่ท่านทั้งสองแก่เฒ่า เป็นการที่ทำให้ท่านมีความรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง จัดเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีอีกทางหนึ่ง
- บุญกุศลจากการดูแลพ่อแม่เปรียบเสมือนการดูแลพระอรหันต์ซึ่งจะได้บุญมาก
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๘)
ปหุตวิตฺโต ปุริโส สหิรญฺโ สโภชโน
เอโก ภุญฺชติ สาทูนิ ตํ ปราภวโต มุขํ
คนใด มั่งมีทรัพย์สินเงินทอง มีของกินของใช้มาก
แต่บริโภคของอร่อยคนเดียว นั้นเป็นปากทางแห่งความเสื่อม
๒๗๘ [๑๐.๒๐] (๒๕/๓๐๔)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนที่มีทรัพย์สินเงินทองมาก แต่ไม่ยอมแบ่งปันผู้ใดเลย เก็บไว้กินไว้ใช้แต่เพียงผู้เดียว จะเป็นผู้ไร้ญาติขาดมิตร
- คนที่ไร้ญาติขาดมิตร จะทำให้เวลามีปัญหาก็จะไม่มีผู้ที่อยากให้ความช่วยเหลือ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมหรือความตกต่ำของชีวิต
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๗๙)
ทเทยฺย ปุริโส ทานํ อปฺปํ วา ยทิวา พหุ
เกิดมาเป็นคน จะมากหรือน้อย ก็ควรให้ปันบ้าง
๒๗๙ [๑๐.๒๑] (๒๗/๑๐๑๒)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- เกิดมาเป็นคน ควรจะต้องรู้จักการให้บ้าง จะมากหรือน้อยไม่สำคัญ เพราะเป็นการแสดงน้ำใจ เพราะการรู้จักแบ่งปันเป็นคุณสมบัติของคนดี
- การรู้จักแบ่งปัน เป็นการแสดงความเป็นมิตร
- การรู้จักตอบแทนก็เป็นการแสดงความขอบคุณเมื่อได้รับการแบ่งปัน
- การรู้จักแบ่งปัน จะทำให้โลกหยุดความเห็นแก่ตัว
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๘๑)
อมตนฺทโท จ โส โหติ โย ธมฺมมนุสาสติ
ผู้ใดสั่งสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งที่ไม่ตาย
๒๘๑ [๑๐.๒๓] (๑๕/๑๓๘)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- ธรรมคือสิ่งไม่ตาย และการให้ธรรมะเป็นทานถือว่าได้บุญสูงสุด ดังนั้นผู้ใดสอนธรรม ผู้นั้นชื่อว่าให้สิ่งที่ไม่ตาย
- คนที่สอนธรรม ไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์เท่านั้น
- ฆราวาสบางคนปฏิบัติธรรมเคร่งครัดยิ่งกว่าบรรพชิต
- ดังนั้น การสั่งสอนธรรมยอดเยี่ยมกว่าการสอนวิชาใดๆ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๘๒)
วิเจยฺยทานํ สุคตปฺปสตฺถํ
ให้ด้วยพิจารณา พระศาสดาทรงสรรเสริญ
๒๘๒ [๑๐.๒๔] (๑๕/๙๙)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- การให้สิ่งของแก่ผู้ใด ควรที่จะพิจารณาให้รอบคอบก่อนให้ ว่าผู้รับจะได้รับประโยชน์อย่างไร เพราะของบางอย่างให้กับคนคนหนึ่งจะมีประโยชน์มาก แต่อาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับอีกคนหนึ่ง
- ดังนั้นการให้สิ่งของผู้อื่น ก็พินิจพิเคราะห์ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับด้านใด ก็เน้นการให้ที่เป็นประโยชน์ในชาติได้
- พระพุทธเจ้า ทรงเน้นว่าการปฏิบัติได้บุญสูงกว่าการทำทานชนิดต่างๆ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองไม่มีประมาณ จะยังจิตให้แก่สรรพสัตว์ได้รับรู้ในการบำเพ็ญบารมีในทางที่ไม่ประมาท และเป็นความเจริญในชาติบ้านเมืองอันเป็นจุดอันจะนำไปสู่ความเจริญของโลกและสันติภาพ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๘๔)
หิโต พหุนฺนํ ปฏิปชฺช โภเค
คนดีจัดการโภคทรัพย์
บำเพ็ญประโยชน์แก่ชนจำนวนมาก
๒๘๔ [๑๐.๒๖] (๒๒/๔๒)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- คนที่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการโภคทรัพย์ (ของกินของใช้) ซึ่งเป็นของจำเป็นแก่คนจำนวนมาก คนที่มีหน้าที่ดังกล่าวเปรียบเสมือนแม่ทัพที่ต้องนำหมู่คณะออกทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีวิตลูกน้องเป็นจำนวนมาก
- คนดังกล่าวย่อมได้รับการสรรเสริญ
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๘๕)
ทินฺนํ โหติ สุนิพฺภตํ
ของที่ให้แล้ว ชื่อว่านำออกไปอย่างดีแล้ว
๒๘๕ [๑๐.๒๗] (๑๕/๑๓๖)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- ตัวอย่างของของที่ให้แล้ว เช่น การถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุที่จะออกไปเป็นธรรมฑูต พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญยิ่งแล
- อาจขยายความได้อีกว่า ของที่ให้แล้ว ที่คิดจะเอากลับคืนมาเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ก่อนรับปากให้อะไรใคร ควรคิดให้รอบคอบเสียก่อน
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๘๗)
อทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ
ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโย
ทานนั้นปราชญ์สรรเสริญกันโดยมากอย่างแน่นอน
แต่กระนั้น บทธรรมก็ยังประเสริฐกว่าทาน
๒๘๗ [๑๐.๒๙] (๑๕/๑๐๑)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- ปราชญ์จะสรรเสริญทาน แต่อามิสทานประเสริฐน้อยกว่าธรรมทาน
- การรับธรรมทานนั้นประเสริฐน้อยกว่าการปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง
- ลำดับขั้นของการสร้างบารมี เรียงลำดับดังนี้ ทาน ศีล ภาวนา
- การทำทานได้บุญน้อยกว่าการรักษาศีล การรักษาศีลได้บุญน้อยกว่าสมาธิภาวนา สมาธิภาวนาได้บุญน้อยกว่าวิปัสสนาภาวนา
อมฤตพจนา
๑๐. การเบียดเบียน – การช่วยเหลือกัน (๒๘๘)
เอตทคฺคํ ภิกฺขเว ทานานํ ยทิทํ ธมฺมทานํ
ภิกษุทั้งหลาย การให้ธรรม เป็นยอดแห่งทาน
๒๘๘ [๑๐.๓๐] (๒๓/๒๐๙)
∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻∻
คติสอนใจ
- การให้ธรรมะเป็นธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง
- การให้ทานมีหลายระดับ เช่น
– การให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานต่ำสุด
– การให้ทานแก่อมนุษย์ ได้บุญมากกว่า สูงกว่าสัตว์เดรัจฉาน
– การให้ทานแก่ผู้รักษาศีล ได้บุญมากกว่าผู้ไม่มีศีล
– การให้ทานแก่ผู้เจริญสมาธิภาวนา ได้บุญมากกว่ารักษาศีล
– การให้ทานแก่ผู้เจริญวิปัสสนา ได้บุญสูงกว่าการเจริญสมาธิภาวนา หรือ การเจริญวิปัสสนาภาวนา ได้บุญสูงสุด
- ธรรมทาน ได้บุญสูงสุดที่เกี่ยวกับทาน อภัยทาน ได้บุญน้อยกว่าธรรมทาน วิหารทาน ได้บุญน้อยกว่าอภัยทาน