วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2487
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ดำรงพระยศ พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2487
สมณุตตมาภิเษก พ.ศ. 2481
สถิต วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร
นิกาย มหานิกาย
ประสูติ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399
สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2487
พระชนมายุ 89 พรรษา
สมเด็จพระสังฆราช วัดสุทัศน์เทพวราราม ประสูติในรัชกาลที่ 4 วันพุธ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช 1218 ตรงกับวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399 บิดาชื่อ นุตร์ มารดาชื่อ อ้น เป็นชาวสวนบางลำภูล่าง อำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี ปี พ.ศ. 2419 อุปสมบทที่วัดเศวตรฉัตร และปี พ.ศ. 2422 แล้วมาอยู่ที่วัดสุทัศน์กับสมเด็จพระวันรัต (แดง) ต่อมา ได้เลื่อนเป็นพระครูวินัยธร เมื่อเป็นพระครูวินัยธรได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมเป็นครั้งที่ 2 ที่พระที่นั่งพุทธไธสวรรย์ เมื่อปี พ.ศ. 2425 ได้เป็นเปรียญ 4 ประโยค ต่อมาปี พ.ศ. 2428 เข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกเป็นครั้งที่ 3 ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แปลได้อีกประโยค 1 รวมเป็น 5 ประโยค สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์มาเรื่อยๆ จนถึงปี พ.ศ. 2481 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ดำรงตำแหน่งสกลสังฆปรินายาก ปธานาธิบดีสงฆมณฑลทั่วพระราชอาณาจักร ครองวัดสุทัศน์เทพวราราม
ในส่วนพระปริยัติธรรม ท่านได้รับหน้าที่เป็นแม่กองสนามหลวงฝ่ายบาลี ทำการสอบความรู้พระปริยัติธรรมพระภิกษุสมเณร ในพระราชอาณาจักรตั้งแต่ พ.ศ. 2471 – 2474 รวม 4 ศก การในส่วนมหาเถรสมาคมนั้น ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการด้วยรูปหนึ่ง ท่านเป็นที่เคารพในมหาเถรสมาคม กอปรทั้งที่ท่านสมบูรณ์ด้วยคุณวุฒิ และวัยวุฒิเป็นที่สุด ในมหาเถรสมาคม จึงเป็นที่นิยมนับถือในฐานะเป็นประมุขสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย คุณูปการของท่านเพียบพร้อมด้วยศาสนกิจ จึงเป็นมูลัฏฐาปนีย์ ที่เด่นเป็นมิ่งขวัญของคณะสงฆ์ทั่วไป
พระกรณียกิจต่าง ๆ
สมเด็จพระสังฆราชแพนั้น ในฐานะที่พระองค์ดำรงตำแหน่ง ในขณะที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการจัดระเบียบการคณะสังฆ์ให้เข้าสู่รูปสมัยใหม่ ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 ดังกล่าวแล้วพอสรุปได้ดังนี้
พระอวสานกาล
พระองค์ทรงประชวรพระโรคชรากระเสาะกระแสะอยู่เรื่อย ๆ ได้เสด็จดับขันธ์สิ้นพระชนม์ ที่ตำหนักวัดสุทัศน์เทพวราราม สิริพระชนมายุ 89 โดยมีพระพรรษา 66 ทรงดำรงตำแหน่งสกลสังฆปรินายกได้ 7 พรรษา
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250