คราวนั้น พระองค์ทรงพิจารณาธรรมะที่ตรัสรู้แล้วว่า เป็นสภาวะที่ ละเอียด ประณีต ลึกซื้ง แม้เหตุผลทางตรรกะก็หยั่งไม่ถึง รู้ตามได้ ยาก ทรงมีพระหฤทัยน้อมไปในความเป็นผู้ขวนขวายน้อย (นี้เป็น สำนวนพระ ความหมายก็คือ ไม่คิดแสดงธรรม คิดจะอยู่เฉยๆ) ขณะ นั้น ท้าวสหัมบดีพรหม ทราบพระปริวิตกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเข้ามานมัสการ กราบทูลอัญเชิญให้พระองค์เสด็จไปประกาศพระธรรม โดยกล่าวว่า สัตว์ที่มีธุลิในดวงตาน้อยยังมีอยู่ สัตว์เหล่านั้นจะ เสื่อมจากประโยชน์ที่พึงได้ เพราะมิได้ฟังธรรมจากพระองค์
พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาสัตว์โลกดุจดอกบัว 3 เหล่า (คือดอกอุบล, ดอกปทุม, ดอกบุณฑริก) อันเกิดและเจริญในสระ 3 ระดับคือ ระดับ ที่หนึ่ง ดอกบัวพ้นน้ำ เปรียบเสมือนคนผู้ฉลาดมาก สามารถเข้าใจ ธรรมทันทีที่ฟังโดยสังเชป ระดับที่สอง ดอกบัวเสมอผิวน้ำ เปรียบ เหมือนคนที่ฉลาด พอฟังโดยพิสดารก็เข้าใจ ระดับที่สาม ดอกบัวอยู่ กลางท้องน้ำ เปรียบเหมือนคนผู้พอฝึกฝนอบรมได้ ต้องใช้เวลาสัก ระยะหนึ่งจึงจะเข้าใจ... ก็ทรงรับคำอาราธนาของสหัมบดีพรหม ด้วย เหตุนี้แหละ เมื่อเราจะอาราธนาให้พระภิกษุแสดงธรรม เราจึงกล่าว คำอาราธนาอ้างชื่อสหัมบดีพรหมว่า “พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ .....” ดังที่ทราบกันดีแล้ว
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250