ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระนทีกัสสปเถระ เกิดในสกุลพราหมณ์กัสสปโคตร มีพี่ชายคนหนึ่ง ชื่อว่า อุรุเวลกัสสปะ มีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อว่า คยากัสสปะ เมื่อเจริญวัยขึ้นแล้ว ได้เรียนจบไตรเพทด้วยกันทั้งสามคน ท่านมีเด็กหนุ่มเป็นบริวาร 300 คน ครั้นพิจารณาเห็นลัทธิของตนไม่เป็นแก่นสาร จึงได้พากันออกบวชเป็นชฎิล บำเพ็ญพรตด้วยการบูชาเพลิง พร้อมกันทั้งสามคน กับบริวาร ตั้งอาศรมเรียงอยู่ตามฝั่งแม่น้ำโดยลำดับกัน ส่วนท่านเองตั้งอาศรมอยู่ที่ลำน้ำอ้อม หรือคุ้งแห่งแม่น้ำคงคา ถัดอาศรมของพี่ชายลงไปทางใต้ ณ ตำบลนที จึงได้นามฉายาว่า “นทีกัสสปะ” ครั้นเมื่อพระอุรุเวลกัสสปะผู้เป็นพี่ชาย พร้อมด้วยบริวาร อันพระบรมศาสดาทรงทรมานให้เสื่อมหาย คลายจากลัทธินั้นแล้ว จึงพากันลอยบริขารแห่งชฎิลเสีย ในแม่น้ำ แล้วพากันอุปสมบท ท่านได้เห็นบริขารชฎิลลอยมาตามกระแสน้ำ สำคัญว่าเกิดอันตรายแก่พี่ชายของตน จึงพร้อมด้วยบริวารรีบไป ได้เห็นพระอุรุเวลกัสสปะ ผู้พี่ชายถือเพศเป็นภิกษุแล้ว ถามทราบความว่า พรหมจรรย์นี้ประเสริฐ จึงพากันลอยบริขารชฎิลเสียในแม่น้ำ พร้อมด้วยบริวารพากันออกไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลขออุปสมบท พระองค์ก็ทรงประทานอุปสมบท แก่ชฎิลทั้งหลายเหล่านี้ ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา เหมือนอย่างท่านพระอุรุเวลกัสสปะ ผู้เป็นพี่ชาย เมื่อท่านมีอินทรีย์แก่กล้าแล้ว ได้ฟังเทศนา อาทิตตปริยายสูตร ซึ่งพระบรมศาสดาทรงแสดงในเมื่อครั้งประทับอยู่ ณ ตำบลคยาสีสะ ก็ได้สำเร็จพระอรหัตผล เป็นพระอเสขบุคคล พร้อมกับบริวาร 300 คน ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาไม่ระบุว่าท่านดับขันธปรินิพพานที่ใด แต่ท่านคงดำรงขันธ์อยู่พอสมควรแก่กาลจึงปรินิพพาน
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250