ฉายา: ผู้มีพระกรุณา
ความสูง: ๘๐ ศอก
รัศมี: แผ่ซ่านออกไปหนึ่งโยชน์
บำเพ็ญบารมี: บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ: กษัตริย์
พุทธบิดา: สาคระ
พุทธมารดา: สุทัสนาเทวี
พระนคร: โสภณะ
ใช้ชีวิตฆราวาส: ๑๐,๐๐๐ ปี
มเหสี: วิสาขา
บุตร: เสละ
ยานพาหานะที่ใช้ออกบวช: ทรงช้างออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร: ๘ เดือน
ต้นไม้ตรัสรู้: ที่โคนต้นจัมปา
อายุขัย: ๑๐๐,๐๐๐ ปีจึงปรินิพพาน ณ อโนมาราม
๑๘. พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
อัตถทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๔
ว่าด้วยพระประวัติพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
ในมัณฑกัปนั้นแล มีพระพุทธเจ้าผู้มียศมากนามว่าอัตถทัสสี ทรงกำจัดความมืดใหญ่ออกแล้ว ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด พรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ทรงยังหมื่นโลกธาตุพร้อมทั้งเทวโลก ให้ดื่มน้ำอมฤตธรรมจนอิ่มหนำสำราญ แม้พระองค์ผู้เป็นนาถะของโลกนั้น ก็ทรงมีการแสดงธรรมให้สัตว์ได้ตรัสรู้ ๓ ครั้ง ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ ในกาล เมื่อพระพุทธอัตถทัสสีเสด็จจาริกไปในเทวโลก ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่ทวยเทพแสนโกฏิอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมในสำนักพระพุทธบิดา ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่ สัตว์แสนโกฏิ และพระบรมศาสดาพระองค์นั้น ก็ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ผู้หลุดพ้น เพราะไม่ถือมั่น ผู้แสวงหาประโยชน์ใหญ่ ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันเก้าหมื่นแปดพัน ครั้งที่ ๒ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันแปดหมื่นแปดพัน ครั้งที่ ๓ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันเจ็ดหมื่นแปดพัน
สมัยนั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะอันรุ่งเรือง มีนามชื่อว่าสุสิมะ ประชาชนยกย่องว่าเป็นผู้ประเสริฐสุดในแผ่นดิน เรานำดอกมณฑารพ ดอกประทุม ดอกปาริชาตอันเป็นทิพย์ จาก
เทวโลกมาบูชาพระสัมพุทธเจ้า แม้พระพุทธอัตถทัสสีมหามุนีพระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่า ในพันแปดร้อยกัป ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก .... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ก็มีใจยินดีโสมนัส ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้น พระนครชื่อว่าโสภณะ พระบรมกษัตริย์พระนามว่าสาคระ เป็นพระชนกของพระอัตถทัสสีศาสดา พระนางสุทัสนา เป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่ออมรคิ สุรคิ และคิริพาหนะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสามหมื่นสามพันนางล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าวิสาขาพระราชโอรสพระนามว่าเสละ พระพิชิตมารทรงเห็นนิมิต ๔ ประการจึงเสด็จออกผนวชด้วยอัสวราชยาน ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม
พระนราสภอัตถทัสสีมหาวีรเจ้า ผู้มีพระยศใหญ่ อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ อโนมอุทยานทรงมีพระสันตเถระและพระอุปสันตเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าอภัยเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระธรรมาเถรีและสุธรรมาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่าจำปา นกุลอุบาสกและนิสภอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก มกิลาอุบาสิกาและสุนันทาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าซึ่งไม่มีผู้เสมอเหมือนพระองค์นั้นสูง ๘๐ ศอก ทรงสง่างามดังพญารัง เหมือนพระจันทร์เต็มดวง มีพระรัศมีอันประเสริฐหลายร้อยเป็นปกติ แผ่ไปโยชน์หนึ่งทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำ ทั้งทิศน้อยทิศใหญ่ทุกเมื่อ
แม้พระพุทธมุนีผู้ประเสริฐกว่านรชน สูงสุดกว่าสรรพสัตว์ ผู้มีจักษุ พระองค์นั้นทรงดำรงอยู่ในโลกแสนปี แม้พระองค์ทรงแสดงพระรัศมีอันไม่มีสิ่งอื่นเทียมทันให้สว่างไสว ไพโรจน์ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกแล้วก็เสด็จนิพพานดับไป ดังไฟสิ้นเชื้อ ฉะนั้น พระอัตถทัสสีชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพาน ณ อโนมาราม พระธาตุเรี่ยรายแผ่กว้างไปในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
จบอัตถทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๔
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250