โลกเบื้องต่ำ 4 ชั้น ประกอบด้วย
- ดิรัจฉานภูมิ (โลกเดรัจฉานอยู่ในโลกมนุษย์)
- เปตติวิสยภูมิ (โลกเปรต)
- อสุรกายภูมิ (โลกอสุรกาย)
- นรกภูมิ ประกอบด้วย
- มหานรก 8 ขุม
- อุสสทนรก 128 ขุม
- ยมโลกนรก 320 ขุม
- โลกันตร์นรก 1 ขุม
โลกเบื้องกลาง 7 ชั้น ประกอบด้วย
- มนุษยภูมิ 1
- เทวภูมิ 6
- จาตุมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นที่ 1)
- ดาวดึงส์ หรือดาวดึงสา (สวรรค์ชั้นที่ 2)
- ยามาภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 3)
- ดุสิตาภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 4)
- นิมมานรดีเทวภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 5)
- ปรนิมมิตวสี วัตตีเทวภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 6)
- โลกเบื้องสูง 20 ชั้น ประกอบด้วย
- รูปพรหม 16
- พรหมปาริสัชชาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 1
- พรหมปุโรหิตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 2
- มหาพรหมาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 3
- ปริตตาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 4
- อัปปมาณาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 5
- อาภัสสราภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 6
- ปริตตสุภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 7
- อัปปมาณสุภาภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 8
- สุภกิณหาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 9
- เวหัปผลาภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 10
- อสัญญสัตตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 11
- อวิหาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 12
- อตัปปาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 13
- สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 14
- สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 15
- อกนิฎฐาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 16
- อรูปพรหม 4
- อากาสานัญจายตนภูมิ พรมโลก ชั้นที่ 17
- วิญญาณัญจายตนภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 18
- อากิญจัญญายตนภูมิ พรมโลก ชั้นที่ 19
- เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 20
สังสารวัฏ 31 ภูมิ และบุพกรรมในชั้นต่างๆ
โลกเบื้องต่ำ 4 ชั้น (อบายภูมิ 4) |
ภูมิ | บุพกรรม |
ดิรัจฉานภูมิ (โลกเดรัจฉานอยู่ในโลกมนุษย์) | บุพกรรม เป็นมนุษย์จิตไม่บริสุทธิ์ ประพฤติอกุศลกรรมอันหยาบช้าลามกทั้งหลายหรือเพราะอำนาจของเศษบาปอกุศลกรรมที่ตนทำไว้ให้ผล หรือเป็นเพราะเมื่อเป็นมนุษย์ไม่ได้ก่อกรรมทำชั่วอะไร แต่เวลาใกล้จะตายจิตประกอบด้วยโมหะ หลงผิด ขาดสติ ไม่มีสรณะเป็นที่พึ่งจะให้ยึดมั่นคง |
เปตติวิสยภูมิ (โลกเปรต) | บุพกรรม ประพฤติอกุศลกรรมบท 10 ประการ เมื่อขาดใจตายจากมนุษยโลก หากอกุศลกรรมสามารถนำไปสู่นิรยภูมิได้ ต้องไปเสวยทุกขโทษในนรกก่อน พอสิ้นกรรมจากนรกแล้ว เศษบาปยังมีก็ไปเสวยผลกรรมเป็นเปรตต่อภายหลังหรือมีอกุศลกรรมที่เกิดจากโลภะนำมาเกิด |
อสุรกายภูมิ (โลกอสุรกาย) นรกภูมิ | อายุและบุพกรรม เช่นเดียวกันกับในโลกเปรต |
มหานรก 8 ขุม | |
– นรกขุมที่ 1 สัญชีวนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ มนุษย์ที่มีจิตไม่บริสุทธิ์ หยาบช้าลามก ใจสกปรก ก่อกรรมทำเข็ญ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนเป็นนิจ |
– นรกขุมที่ 2 กาฬสุตตนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ – จับเอาสัตว์สี่เท้ามาทรมานให้ได้รับความลำบาก – ทำร้ายร่างกายบุพการี โดยมิได้เจตนา เช่น เมาสุราจนขาดสติ เผลอตัวทำร้ายบิดามารดาตนเอง – ฆ่าสัตว์ต้องห้าม 3 ชนิด คือ เต่า หมี เสือ โดยไม่เจตนา |
– นรกขุมที่ 3 สังฆาฏนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ ผู้ที่ฆ่าคนโดยไม่เจตนา เมาแล้วขับรถชนคนตาย ทำร้ายร่างกาย ทุบตีผู้มีพระคุณ ครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทำร้ายผู้ที่ประกอบคุณงามความดีเพื่อสังคมส่วนรวมเป็นที่ประจักษ์จนได้รับความเคารพนับถือดังเช่นมีผู้มีพระคุณ เจตนาฆ่าสัตว์ต้องห้าม 3 ชนิด ได้แก่ เต่า หมี เสือ |
– นรกขุมที่ 4 โรรุวนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ – จับเอาสัตว์เป็นๆมาเผาไฟหรือปิ้งเพื่อกินเป็นอาหาร – ผู้พิพากษาคดีความอย่างไม่ยุติธรรม -ผู้ที่โลภเจตนาบุกรุกที่ดิน บ้านเรือกสวนไร่นาของผู้อื่นเอามาเป็นของตน – หญิงคบชู้แล้ว ให้ชู้ฆ่าสามีให้ตาย -ผู้ที่ฉ้อโกง เบียดบังทรัพย์สมบัติเอามาเป็นของตน -ฆ่าผู้มีพระคุณ -ฆ่าคนโดยเจตนาตอนรบกันในฐานะผู้บุกรุกราน |
– นรกขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ -โหดร้าย ตัดศีรษะสัตว์และมนุษย์ – ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยอำนาจของความโกรธ -โจรกรรมสิ่งของ -ทำชั่วด้วยความอาฆาต -ปล้นขโมยสิ่งของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ของพ่อแม่ ของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ |
– นรกขุมที่ 6 ตาปนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ – ผู้ที่ฆ่าสัตว์โดยทิ่มแทงให้ตาย – ฆ่าคนโดยเจตนา เป็นผู้สั่งฆ่าจงใจตัดตอนสังสารวัฏของผู้อื่น – การฆ่าพลีชีพ – เผาบ้าน กุฎิ โบสถ์ วิหาร ทำลายเจดีย์ |
– นรกขุมที่ 7 มหาตาปนนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ -ผู้ที่ฆ่าบุพการี -ผู้สั่งฆ่าคนหมู่มากที่บริสุทธิ์โดยเจตนา -ผู้ที่ปองร้าย ลอบทำร้าย มีเจตนาต่อต้านพระพุทธเจ้า |
– นรกขุมที่ 8 อเวจีนรก | ผู้ที่จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุมนี้ – ฆ่ามารดาบิดาของตัวเอง – ฆ่าพระอรหันต์ ให้ตาย หรือใช้ให้คนอื่นฆ่า – ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต – ทำสังฆเภท คือ ยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน – ผู้ที่ติเตียนพระอริยบุคคลพระสงฆ์ที่มีคุณแก่ตน – ผู้ที่ทำลายพระพุทธรูป พุทธเจดีย์ |
อุสสทนรก 128 ขุม ยมโลกนรก 320 ขุม | |
– โลหกุมภีนรก | บุพกรรม เช่น จับสัตว์เป็นๆมาต้มในน้ำร้อนแล้วเอามากินเป็นอาหาร |
– สิมพลีนรก | บุพกรรม เช่น คบชู้สู่สาว ผิดศีลธรรมประเพณี ชายเป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น หญิงเป็นชู้สามีของผู้อื่น หรือชายหญิงที่มีภรรยาหรือสามี ประพฤตินอกใจไปสู่หาเป็นชู้กับผู้อื่น มักมากในกามคุณ |
– อสินขะนรก | บุพกรรม เช่น เมื่อเป็นมนุษย์ชอบลักเล็กขโมยน้อย ขโมยของในสถานที่สาธารณะและของที่เขาถวายแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ |
– ตามโพทะนรก | บุพกรรม ด้วยผลกรรมที่ทำไว้ในชาติก่อนๆ เป็นคนใจอ่อน มัวเมาประมาท ดื่มกินสุราเมรัย แสดงอาการคล้ายคนบ้าเป็นเนืองนิจ |
– อโยคุฬะนรก | บุพกรรม เช่น แสดงตนว่าเป็นคนใจบุญใจกุศล เรี่ยไรทรัพย์ว่าจะนำไปทำบุญสร้างกุศล แต่กลับยักยอกเงินทำบุญของผู้อื่นมาเป็นของตน การกุศลก็ทำบ้างไม่ทำบ้างตามที่อ้างไว้ หลอกลวงผู้อื่น |
– ปิสสกปัพพตะนรก | บุพกรรม เช่น เคยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองประพฤติตนเป็นคนอันธพาล กดขี่ข่มเหงราษฎร ทำร้ายร่างกาย เอาทรัพย์เขามาให้เกินพิกัดอัตราที่กฎหมายกำหนด ไม่มีความกรุณาแก่คนทั้งหลาย |
– ธุสะนรก | บุพกรรม เช่น คดโกง ไม่มีความซื่อสัตย์ ปนปลอมแปลงอาหารและเครื่องใช้แล้วหลอกขายผู้อื่น ได้ทรัพย์สินเงินทองมาโดยมิชอบ |
– สีตโลสิตะนรก | บุพกรรม เช่น จับสัตว์เป็นๆโยนลงไปในบ่อ ในเหว ในสระน้ำ หรือมัดสัตว์เป็นๆทิ้งน้ำให้จมน้ำตาย หรือทำให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้รับความทุกข์ และตายเพราะน้ำ |
– สุนขะนรก | บุพกรรม คือ ด่าว่าบิดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชายพี่สาวและญาติทั้งหลายไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ตลอดจนพระภิกษุสามเณร |
– ยันตปาสาณะนรก | บุพกรรม เช่น เป็นหญิงชายใจบาปหยาบช้า ด่าตีคู่ครองด้วยความโกรธ แล้วหันเหประพฤตินอกใจไปคบชู้เป็นสามีภรรยากับคนอื่นตามใจชอบ |
โลกันตร์นรก 1 ขุม | ผลกรรมชั่ว เช่น ทรมานประทุษร้ายต่อบิดามารดา และผู้ทรงศีล ทรงธรรม หรือทำปาณาติบาตเป็นอาจิณ ฆ่าตัวตายเป็นต้น |
โลกเบื้องกลาง 7 ชั้น |
ภูมิ | บุพกรรม |
มนุษย์ภูมิ 1 แบ่งเป็น 4 จำพวก | บุพกรรม กรรมของมนุษย์ที่ทำในกาลก่อนส่งผลให้ปฎิปทาต่างกัน เช่น บางคนเป็นคนดี บางคนบ้า บางคนรวย บางคนจน บางคนมีปัญญา บางคนเขลา ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัยต่างๆ |
1 ผู้มืดมาแล้วมืดไป 2 ผู้ที่มืดมาแล้วสว่างไป 3 ผู้สว่างมาแล้วมืดไป 4 ผู้สว่างมาแล้วสว่างไป | |
เทวภูมิ 6 | |
– จาตุมหาราชิกา (สวรรค์ ชั้น ที่ 1) | เส้นทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เมื่อเป็นมนุษย์ชอบทำความดี สันโดษ ยินดีแต่ของๆ ตนชักชวนให้ผู้อื่นประกอบการกุศล ชอบให้ทานและหวังผลบุญแห่งการให้ทานนั้น มุ่งการสั่งสมให้ทาน ด้วยคิดว่าเราตายไปแล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนั้น และเป็นผู้มีศีล |
– ดาวดึงส์ หรือ ดาวดึงสา (สวรรค์ ชั้นที่ 2) | ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทำบุญกุศล เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่ทำกรรมอันหยาบช้าลามก ทำทานโดยไม่หวังผลบุญหรือผลแห่งทานที่ได้ทำไปนั้น ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า “ตายแล้วเราจักได้เสวยผลทานนี้” แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า “การให้ทานเป็นการกระทำดี” |
– ยามาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ 3) | ทางไปสวรรค์ชั้นยามา ต้องพยายามสร้างบุญ ต้องเป็นผู้หนักแน่นในการบำเพ็ญบุญ ผู้ที่ทำทานโดยไม่คิดว่าเป็นการทำดี แต่คิดว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ได้เคยทำบุญทำทานมาโดยตลอด เราก็ควรได้ทำตามประเพณีที่ท่านเคยทำมา |
– ดุสิตาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ 4) | ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต ผู้ที่สร้างบุญกุศล ชอบฟังพระธรรมเทศนาให้ทาน โดยไม่คิดว่าทำตามบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เคยทำมาจนเป็นประเพณีแต่ให้ทานโดยคิดว่าเราหุงหากิน สมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่ได้หุงหากิน ถ้าเราไม่ให้ทานก็เป็นสิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง |
– นิมมานรดีเทวภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ 5) | ทางไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ต้องเป็นผู้ที่เพียรบริจาคทานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีจิตใจบริสุทธิ์ รักษาศีลมิขาดตกบกพร่อง และเป็นผู้ที่อุตส่าห์ก่อสร้างกองบุญกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ให้สกปรกลามกมีมลทิน มีใจสมบูรณ์ด้วยศีล ผู้ที่ทำทานโดยไม่คิดว่าเราหุงหากิน แต่สมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่ได้หุงหากิน เราจะไม่ให้ทานก็ไม่บังควรอย่างยิ่ง แต่ได้คิดว่าจะให้ทานเหมือนอย่างฤาษีทั้งหลายที่ได้กระทำมาในอดีต |
– ปรนิมมิตวสวัตตีเทวภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ 6) | ทางไปสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ผู้ที่อุตส่าห์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงส่งด้วยคุณธรรม บำเพ็ญทานและรักษาศีลอย่างจริงจังด้วยศรัทธาอย่างยิ่งยวดและถูกต้อง ผลวิบากแห่งทานและศีลอันสูงยิ่งเท่านั้นจึงจะบันดาลให้ไปอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ได้ ผู้ที่ทำทานโดยไม่หวังผลในทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทาน และไม่ได้คิดว่าทำทานตามฤาษีในอดีตที่เคยทำมา แต่คิดว่าทำทานเพื่อให้จิตเกิดความปลาบปลื้มปิติในบุญที่ทำ |
โลกเบื้องสูง 20 ชั้นง 7 ชั้น |
ภูมิ | บุพกรรม |
รูปพรหม 16 | |
– พรหมปาริสัชชาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 1 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จปฐมฌานได้อย่างสามัญ |
– พรหมปุโรหิตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 2 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จได้ปฐมฌานอย่างปานกลาง |
– มหาพรหมาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 3 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จปฐมฌานได้อย่างประณีต |
– ปริตตาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 4 | บุพกรรม ผู้ที่จะมาบังเกิดในชั้นนี้ได้ ต้องสำเร็จทุติยฌานได้อย่างสามัญ |
– อัปปมาณาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 5 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จทุติยฌานได้อย่างปานกลาง |
– อาภัสสราภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 6 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จทุติยฌานได้อย่างประณีต |
– ปริตตสุภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 7 | บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ได้ต้องสำเร็จตติยฌาน ได้อย่างสามัญ |
– อัปปมาณสุภาภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 8 | บุพกรรม ผู้ที่จะมาบังเกิดในชั้นนี้ได้ ต้องสำเร็จตติยฌานได้อย่างปานกลาง |
– สุภกิณหาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 9 | บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ได้ ต้องสำเร็จตติยฌานได้อย่างประณีต |
– เวหัปผลาภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 10 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จจตุตถฌาน |
– อสัญญสัตตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 11 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาได้จตุตถฌาน และเป็นผู้มีสัญญาวิราคภาวนา |
– อวิหาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 12 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาได้จตุตถฌานและเจริญวิปัสสนาภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลโดยมีสัทธินทรีย์แก่กล้า |
– อตัปปาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 13 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาได้จตุตถฌาน และเจริญวิปัสสนาภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีวิริยินทรีย์แก่กล้า |
– สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 14 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาได้จตุตถฌานและเจริญวิปัสสนาภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลโดยมีสตินทรีย์แก่กล้า |
– สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 15 | บุพกรรม ผุ้เจริญสมถภาวนา ได้จตุตถฌาน และเจริญวิปัสสนาภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีสมาธินทรีย์แก่กล้า |
– อกนิฎฐาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 16 | บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนา ได้จตุตถฌาน และ เจริญวิปัสสนาภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีปัญญินทรีย์แก่กล้า |
อรูปพรหม 4 | |
– อากาสานัญจายตนภูมิ พรมโลก ชั้นที่ 17 | บุพกรรม โยคีฤาษี ผู้ได้จตุตถฌานแล้ว และสำเร็จอากาสานัญจายตนฌาน |
– วิญญาณัญจายตนภูมิ พรหมโลกชั้นที่ 18 | บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ได้อากาสานัญจายตนฌานและสำเร็จวิญญาณัญจายตนฌาน |
– อากิญจัญญายตนภูมิ พรมโลก ชั้นที่ 19 | บุพกรรม โยคีฤาษี ผู้ได้วิญญาณัญจายตนฌาน และสำเร็จอากิญจัญญายตนฌาน |
– เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ 20 | บุพกรรม โยคีฤาษี ผู้ได้อากิญจัญญายตนฌาน และสำเร็จเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน |
โลกียภูมิ 31 ภูมิ
สรุปโลกียภูมิ หรือ สังสารวัฏ 31 ภูมิ
หลังจากได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ขึ้นอยู่กับบุพกรรมที่แต่ละคนเป็นผู้กระทำเอง ตามกฎแห่งกรรม “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
ถามใจท่านเองว่า ถ้าต้องเกิดใหม่อยากจะเกิดเป็นอะไร? เชื่อได้ว่า ไม่มีใครอยากเกิดในอบายภูมิ 4 เพราะต้องพบความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าการเป็นคนหลายเท่า และเป็นความทุกข์ที่ยาวนานมาก กว่าจะมีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง มีการเปรียบเทียบโอกาสจะเกิดเป็นมนุษย์ได้เสมือนงมเข็มในมหาสมุทร หรือเต่าโผล่หัวขึ้นมากลางห่วงเล็กๆ ที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร ดังนั้น คนส่วนใหญ่คงต้องการเกิดในโลกชั้นกลาง (เป็นมนุษย์หรือเทวดา) หรือโลกชั้นสูง (พรหมโลก) จะต้องทำอย่างไร? โซน 4 (พิเศษ) จะสรุปเรื่องสาระสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวิธีสร้างบุญบารมีเพื่อการบรรลุในโลกียภูมิชั้นกลางขึ้นไป ด้วยหลักธรรมปฏิบัติคือ การให้ทาน รักษาศีล และภาวนา บุพกรรมของแต่ละโลกียภูมิระบุไว้เป็นแนวทางให้ปฏิบัติ
โลกียภูมิ : เทวภูมิ 6 ชั้น
จาตุมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นที่ 1)
เส้นทางไปสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เมื่อเป็นมนุษย์ชอบทำความดี สันโดษ ยินดีแต่ของๆ ตนชักชวนให้ผู้อื่นประกอบการกุศล ชอบให้ทานและหวังผลบุญแห่งการให้ทานนั้น มุ่งการสั่งสมให้ทาน ด้วยคิดว่าเราตายไปแล้วจักได้เสวยผลแห่งทานนั้น และเป็นผู้มีศีล
ดาวดึงส์ หรือ ดาวดึงสา (สวรรค์ชั้นที่ 2)
ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทำบุญกุศล เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่ทำกรรมอันหยาบช้าลามก ทำทานโดยไม่หวังผลบุญหรือผลแห่งทานที่ได้ทำไปนั้น ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า “ตายแล้วเราจักได้เสวยผลทานนี้” แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า “การให้ทานเป็นการกระทำดี”
ยามาภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 3)
ทางไปสวรรค์ชั้นยามา ต้องพยายามสร้างบุญ ต้องเป็นผู้หนักแน่นในการบำเพ็ญบุญ ผู้ที่ทำทานโดยไม่คิดว่าเป็นการทำดี แต่คิดว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ได้เคยทำบุญทำทานมาโดยตลอด เราก็ควรได้ทำตามประเพณีที่ท่านเคยทำมา
ดุสิตาภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 4)
ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต ผู้ที่สร้างบุญกุศล ชอบฟังพระธรรมเทศนาให้ทาน โดยไม่คิดว่าทำตามบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เคยทำมาจนเป็นประเพณีแต่ให้ทานโดยคิดว่าเราหุงหากิน สมณพราหมณ์เหล่านั้นไม่ได้หุงหากิน ถ้าเราไม่ให้ทานก็เป็นสิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง
นิมมานรดีเทวภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 5)
ทางไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ต้องเป็นผู้ที่เพียรบริจาคทานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีจิตใจบริสุทธิ์ รักษาศีลมิขาดตกบกพร่อง และเป็นผู้ที่อุตส่าห์ก่อสร้างกองบุญกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ให้สกปรกลามกมีมลทิน มีใจสมบูรณ์ด้วยศีล ผู้ที่ทำทานโดยไม่คิดว่าเราหุงหากิน แต่สมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่ได้หุงหากิน เราจะไม่ให้ทานก็ไม่บังควรอย่างยิ่ง แต่ได้คิดว่าจะให้ทานเหมือนอย่างฤาษีทั้งหลายที่ได้กระทำมาในอดีต
ปรนิมมิตวสวัตตีเทวภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 6)
ทางไปสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ผู้ที่อุตส่าห์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงส่งด้วยคุณธรรม บำเพ็ญทานและรักษาศีลอย่างจริงจังด้วยศรัทธาอย่างยิ่งยวดและถูกต้อง ผลวิบากแห่งทานและศีลอันสูงยิ่งเท่านั้นจึงจะบันดาลให้ไปอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ได้ ผู้ที่ทำทานโดยไม่หวังผลในทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทาน และไม่ได้คิดว่าทำทานตามฤาษีในอดีตที่เคยทำมา แต่คิดว่าทำทานเพื่อให้จิตเกิดความปลาบปลื้มปิติในบุญที่ทำ
การนับเวลาบนเทวโลกแต่ละชั้น
ชั้นจาตุมหาราชิกา…….500 ปีทิพย์ เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์
ชั้นดาวดึงส์…….1,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 36 ล้านปีมนุษย์
ชั้นยามา………2,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 144 ล้านปีมนุษย์
ชั้นดุสิตา……..4,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 576 ล้านปีมนุษย์
ชั้นนิมมานรดี…8,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 2,304 ล้านปีมนุษย์
ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี 16,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 9,216 ล้านปีมนุษย์
ชั้นจาตุมหาราชิกา…….500 ปีทิพย์ เท่ากับ 9 ล้านปีมนุษย์ / ชั้นยามา………2,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 144 ล้านปีมนุษย์ / ชั้นนิมมานรดี…8,000 ปีทิพย์ เท่ากับ 2,304 ล้านปีมนุษย์
เทวดาชั้นดาวดึงส์ อายุ 1,000 ปีทิพย์ = 36 ล้านปีมนุษย์, เทวดาชั้นดุสิตา อายุ 4,000 ปีทิพย์ = 576 ล้านปีมนุษย์, เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี 16,000 ปีทิพย์ = 9,216 ล้านปีมนุษย์