พระปุสสพุทธเจ้า
ปุสสพุทธวงศ์ที่ 18
ว่าด้วยพระประวัติพระปุสสพุทธเจ้า
ในมัณฑกัปนั้นแล ได้มีพระศาสดาผู้ยอดเยี่ยม ผู้ไม่มีใครเปรียบเสมอเหมือน พระนามว่าปุสสะ เป็นนายกชั้นเลิศของโลก แม้พระองค์ก็ทรงกำจัดความมืดทั้งปวง ทรงสางความรกชัฏเป็นอันมากแล้ว ทรงยังน้ำอมฤตให้ตก ช่วยให้มนุษย์พร้อมด้วยเทวดาได้ดื่มจนสำราญ เมื่อพระองค์ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ เดือนผุสสนักขัตมงคล ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 ได้แก่สัตว์แปดโกฏิครั้งที่ 2 เก้าโกฏิ ครั้งที่ 3 แปดโกฏิ พระปุสสบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตระงับ ผู้คงที่ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระภิกษุขีณาสพผู้หลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น ผู้ตัดธรรมเครื่องสืบต่อขาด มาประชุมกันหกโกฏิ ครั้งที่ 2 ห้าโกฏิครั้งที่ 3 สี่โกฏิ
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่าวิชิต ละทิ้งราชสมบัติเป็นอันมากแล้วออกผนวช ในสำนักของพระองค์ แม้พระปุสสพุทธเจ้าผู้เป็นนายกชั้นเลิศของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่า ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์ แม้นั้นแล้ว ก็ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ประการยิ่งขึ้น เราเล่าเรียนพระสูตรและพระวินัยอันเป็นนวังคสัตถุศาสน์จบทุกอย่างแล้ว ยังพระศาสนาของพระชินเจ้าให้งาม เราเป็นผู้ไม่ประมาทในคำสั่งสอนนั้น เจริญพรหมวิหารภาวนา ถึงความสำเร็จในอภิญญาแล้ว ได้ไปยังพรหมโลกพระนครชื่อว่ากาสิกะ พระบรมกษัตริย์พระนามว่าชยเสนะ เป็นพระชนกของพระปุสสศาสดา พระนางสิริมา เป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่เก้าพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อว่าคุฬะ หังสะ และสุวรรณดารา มีพระสนมนารีกำนัลในสองหมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่ากีสาโคตมี พระราชโอรสพระนามว่าอานันทะ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยคชสารราชยานทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 7 วัน พระปุสสมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกชั้นเลิศของโลก อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ มฤคทายวัน ทรงมีพระสุรักขิตเถระและพระธรรมเสนเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อสภิยะ เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระจาลาเถรีและพระอุปจาลาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์เรียกกันว่าไม้มะขามป้อม อนัญชยอุบาสกและวิสาขอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก ปทุมาอุบาสิกาและสิรินาคาอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมุนีพระองค์นั้นมีพระองค์สูง 58 ศอก ทรงงามสง่าดังพระอาทิตย์ เหมือนพระจันทร์เต็มดวง ฉะนั้น
ในกาลนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงพระชนมายุอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นวัฏฏสงสารได้มากมาย พระศาสดาผู้มีพระยศไม่มีเทียมพระองค์นั้น ตรัสสอนสัตว์เป็นอันมาก ทรงช่วยให้ประชาชนมากมายข้ามไปแล้ว พระองค์เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก พระปุสสชินศาสดาผู้ประเสริฐเสด็จนิพพาน ณ เสนาราม พระธาตุของพระองค์แผ่ไพศาลไปในประเทศนั้นฉะนี้แล.
จบปุสสพุทธวงศ์ที่ 18
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้ประธานธรรมอันประเสริฐ
ความสูง : 58 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปเหลือประมาณ
บำเพ็ญบารมี : บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าชยเสน
พุทธมารดา : พระนางสิริมา
พระนคร : กาสิกะ
ใช้ชีวิตฆราวาส : 9,000 ปี
มเหสี : กิสาโคตรมี
บุตร : อานันทะ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงช้างออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : ๗ วัน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นอามลกะ (ต้นมะขามป้อม)
อายุขัย : 90,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ เสนาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250