ท่านพระอชิตเถระ เกิดในตระกูลพราหมณ์ กรุงสาวัตถี เดิมชื่อว่า อชิตมาณพ เมื่อมีอายุสมควรแก่การเล่าเรียนแล้ว มารดาบิดาได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์เล่าเรียนศิลปะในสำนักของพราหมณ์พาวรีผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล ครั้นเมื่อพราหมณ์พาวรี คิดเบื่อหน่ายในฆราวาสวิสัย จึงได้ถวายบังคมลาพระเจ้าปเสนทิโกศล ออกจากหน้าที่ปุโรหิต ออกบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะ และอาฬกะต่อกัน เป็นอาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ อชิตมาณพ พร้อมกับมาณพอื่น ได้ออกบวชติดตามด้วย และอยู่ศึกษาศิลปวิทยา ในสำนักของพราหมณ์พาวรีนั้น ครั้นต่อมา พราหมณ์พาวรี ได้ทราบข่าวว่า พระสิทธัตถราชกุมาร ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าศักยะ ทรงผนวช เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ แสดงธรรมสั่งสอนประชาชน มีคนเลื่อมใส ยอมเป็นสาวกปฏิบัติตามคำสั่งสอน เป็นจำนวนมาก พราหมณ์พาวรี ประสงค์จะสืบสวนให้ได้ความจริง จึงเรียกมาณพผู้เป็นศิษย์สิบหกคน มีอชิตมาณพเป็นหัวหน้าผูกปัญหาให้คนละหมวด ๆ ให้ไปกราบทูลลองถามดู แล้วพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่ปาสาณเจดีย์ แคว้นมคธ กราบทูลขอโอกาสถามปัญหาคนละหมวดๆ ชิตมาณพผู้เป็นหัวหน้า จึงกราบทูลถามปัญหา ทีแรก 4 ข้อว่า
โลก คือ หมู่สัตว์ อันอะไรปิดบังไว้ จึงหลง ดุจอยู่ในความมืด เพราะอะไรเป็นเหตุ จึงไม่มีปัญญาเห็นปรากฏ อะไรเป็นเครื่องฉาบไล้สัตว์โลกนั้นให้ติดอยู่ อะไรเป็นภัย
ใหญ่ของสัตว์โลกนั้น พระบรมศาสดาทรงเฉลยว่า
โลก คือ หมู่สัตว์ อันอวิชชา คือ ความไม่รู้แจ้ง ปิดบังไว้ จึงหลง ดุจอยู่ในที่มืด เพราะความอยากมีประการต่าง ๆ และความประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีปัญญาเห็นปรากฏ เรากล่าวว่า ความอยาก เป็นเครื่องฉาบไล้สัตว์โลก ให้ติดอยู่ และเรากล่าวว่า ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลกนั้น อชิตมาณพ ถามต่อว่า อะไรเป็นเครื่องห้าม เครื่องปิดกั้นความอยาก ซึ่งเป็นดุจกระแสน้ำหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวงความอยากนั้นจะละได้เพราะธรรมอะไร? พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า สติเป็นเครื่องห้าม เป็นเครื่องป้องกันความอยากและความอยากนั้นจะละได้เพราะปัญญา อชิตมาณพถามต่อว่า ปัญญา สติ กับ นามรูปนั้น จะดับไป ณ ที่ไหน พระพุทธเจ้าตอบว่า จะแก้ปัญหา ที่ท่านถามถึงที่ดับของนามรูปทั้งหมด ไม่มีเหลือแก่ท่าน เพราะวิญญาณดับไปก่อน นามรูปจึงดับไปณที่นั้นเอง อชิตมาณพถามอีกว่า เมื่อได้บรรลุมรรคผลแล้ว และชนผู้ยังต้องศึกษาอยู่ สองพวกนี้ มีอยู่ในโลกเป็นอันมาก พระพุทธเจ้าตอบว่า เมื่อ ได้เห็นธรรมแล้ว และชนผู้ต้องศึกษาอยู่ ต้องเป็นคนไม่กำหนัดในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัวฉลาดในธรรมทั้งปวงมีสติอยู่ทุกอิริยาบถ ครั้นสมเด็จพระบรมศาสดา ทรงพยากรณ์ปัญหา ที่อชิตมาณพกราบทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดการแก้ปัญหา อชิตมาณพ ก็ได้สำเร็จพระอรหัตผล ก่อนอุปสมบท เมื่อจบโสฬสปัญหาพยากรณ์แล้ว อชิตมาณพ พร้อมด้วยมาณพสิบห้าคน กราบทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยวิธีเอหุภิกขุอุปสัมปทา
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250