พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
อัตถทัสสีพุทธวงศ์ที่ 14
ว่าด้วยพระประวัติพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
ในมัณฑกัปนั้นแล มีพระพุทธเจ้าผู้มียศมากนามว่าอัตถทัสสี ทรงกำจัดความมืดใหญ่ออกแล้ว ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันสูงสุด พรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ทรงยังหมื่นโลกธาตุพร้อมทั้งเทวโลก ให้ดื่มน้ำอมฤตธรรมจนอิ่มหนำสำราญ แม้พระองค์ผู้เป็นนาถะของโลกนั้น ก็ทรงมีการแสดงธรรมให้สัตว์ได้ตรัสรู้ 3 ครั้ง ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ ในกาล เมื่อพระพุทธอัตถทัสสีเสด็จจาริกไปในเทวโลก ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่ทวยเทพแสนโกฏิอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมในสำนักพระพุทธบิดา ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่ สัตว์แสนโกฏิ และพระบรมศาสดาพระองค์นั้น ก็ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ผู้หลุดพ้น เพราะไม่ถือมั่น ผู้แสวงหาประโยชน์ใหญ่ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันเก้าหมื่นแปดพัน ครั้งที่ 2 พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันแปดหมื่นแปดพัน ครั้งที่ 3 พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันเจ็ดหมื่นแปดพัน
สมัยนั้น เราเป็นชฎิลผู้มีตบะอันรุ่งเรือง มีนามชื่อว่าสุสิมะ ประชาชนยกย่องว่าเป็นผู้ประเสริฐสุดในแผ่นดิน เรานำดอกมณฑารพ ดอกประทุม ดอกปาริชาตอันเป็นทิพย์ จากเทวโลกมาบูชาพระสัมพุทธเจ้า แม้พระพุทธอัตถทัสสีมหามุนีพระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่า ในพันแปดร้อยกัป ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก .... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ก็มีใจยินดีโสมนัส ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ประการให้ยิ่งขึ้น พระนครชื่อว่าโสภณะ พระบรมกษัตริย์พระนามว่าสาคระ เป็นพระชนกของพระอัตถทัสสีศาสดา พระนางสุทัสนา เป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่ออมรคิ สุรคิ และคิริพาหนะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสามหมื่นสามพันนางล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าวิสาขาพระราชโอรสพระนามว่าเสละ พระพิชิตมารทรงเห็นนิมิต 4 ประการจึงเสด็จออกผนวชด้วยอัสวราชยาน ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม พระนราสภอัตถทัสสีมหาวีรเจ้า ผู้มีพระยศใหญ่ อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ อโนมอุทยานทรงมีพระสันตเถระและพระอุปสันตเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าอภัยเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระธรรมาเถรีและสุธรรมาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่าจำปา นกุลอุบาสกและนิสภอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก มกิลาอุบาสิกาและสุนันทาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าซึ่งไม่มีผู้เสมอเหมือนพระองค์นั้นสูง 80 ศอก ทรงสง่างามดังพญารัง เหมือนพระจันทร์เต็มดวง มีพระรัศมีอันประเสริฐหลายร้อยเป็นปกติ แผ่ไปโยชน์หนึ่งทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำ ทั้งทิศน้อยทิศใหญ่ทุกเมื่อ
แม้พระพุทธมุนีผู้ประเสริฐกว่านรชน สูงสุดกว่าสรรพสัตว์ ผู้มีจักษุ พระองค์นั้นทรงดำรงอยู่ในโลกแสนปี แม้พระองค์ทรงแสดงพระรัศมีอันไม่มีสิ่งอื่นเทียมทันให้สว่างไสว ไพโรจน์ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกแล้วก็เสด็จนิพพานดับไป ดังไฟสิ้นเชื้อ ฉะนั้น พระอัตถทัสสีชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพาน ณ อโนมาราม พระธาตุเรี่ยรายแผ่กว้างไปในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
จบอัตถทัสสีพุทธวงศ์ที่ 14
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้มีพระกรุณา
ความสูง : 80 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปหนึ่งโยชน์
บำเพ็ญบารมี : บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสาคระ
พุทธมารดา : พระนางสุทัสนาเทวี
พระนคร : โสภณะ
ใช้ชีวิตฆราวาส : 10,000 ปี
มเหสี : วิสาขา
บุตร : เสละ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงช้างออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 8 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นจัมปา
อายุขัย : 100,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ อโนมาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250