หลวงปู่ชื้นเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดญาณเสน เจ้าตำราเคล็ดวิชาอันลือลั่น "พระรัตนจักร "ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์วิชาอาคมและแพทย์แผนโบราณโดยนำความรู้ทุกแขนงมาช่วยปัดเป่าทุกข์ให้กับชาวเมืองกรุงเก่าจนเป็นที่เคารพเลื่อมใสในความมีเมตตาธรรมอันสูงส่งนอกจากนี้ ยังมีวัตถุมงคลขลังที่มากด้วยประสบการณ์ ด้านเมตตา แคล้วคลาด นับเป็นพระดีศรีอยุธยา อีกรูปหนึ่งที่ชาวเมืองกรุงเก่าภาคภูมิใจยิ่งนัก
พื้นเพของท่านเป็นชาวหมู่บ้านไฝต่ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี นามเดิมว่า เกิดเมื่อวันพุธ เดือน 4 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 18 มีนาคม ในตระกูลของนายจันนางหงิม สกุล ยอดฉิม” ซึ่งประกอบอาชีพทางการเกษตร เบื้องต้นได้ศึกษาเล่าเรียนที่วัดเกาะลอย ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านจากนั้นเมื่ออายุ15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรจนถึงอายุ 18 ปี ก็ลาสิกขาบทออกมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนาอยู่ประมาณ 3 ปีภายหลังจึงเข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเกาะลอย ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2470 โดยมีหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ จ.สระบุรีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสระบุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการมาด วัดหนองแคเก่าเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทองดี วัดเกาะลอย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า พุทธสโร ท่านเป็นพระที่ขยันหมั่นเพียรในการเรียนพระปริยัติธรรมจนกระทั่งพรรษาที่ จึงสอบได้นักธรรมตรีก่อนที่จะตัดสินใจเลิกเรียนทางด้านนี้เบนเข็มทิศไปหาความรู้ทางด้านไสยศาสตร์วิชาอาคมจากครูบาอาจารย์วัดเกาะลอยซึ่งทั้งวิชาไสยเวทย์และแพทย์แผนโบราณ เมื่อมีความรู้รักษาตนเองได้จึงออกธุดงค์บำเพ็ญเพียรเสาะหาพระเกจิอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคมอย่างต่อเนื่องได้ออกเดินทางจากจังหวัดสระบุรีเรื่อยมาจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและมาหยุดจำพรรษาที่วัดญาณเสนในปัจจุบันนี้ ณ อารามแห่งนี้ท่านได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์ โหราศาสตร์และวิชาเล่นแร่แปรธาตุกับพระอาจารย์สาย หรือขุนโจรย่ามแดงในอดีต ได้อยู่จำพรรษาตั้งแต่นั้นมาโดยพึงพอใจกับวิชาความรู้ที่ช่วยสงเคราะห์ญาติโยมที่มาให้ท่านช่วยปัดเป่าบรรเทาความเดือดร้อนอยู่หลายปีด้วยกัน
ช่วงเวลานั้นชื่อเสียงของพระอาจารย์สายและพระอาจารย์ชื้นเป็นที่ร่ำลือถึงความเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมาท่านทั้งสองจะช่วยสงเคราะห์ได้หมด ชื่อเสียงขจรไกลถึงกรุงเทพฯซึ่งขณะนั้นได้มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้เกิดเป็นโรคเหน็บชา รักษาอย่างไรก็ไม่หายยาไทยยาเทศกี่ขนานก็เอาไม่อยู่ เมื่อล่วงรู้เกียรติศักดิ์ของหลวงพ่อ
ชื้นจึงเดินทางมาให้ท่านรักษา ท่านเสกไพรไปให้ทานปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้งเขาจึงกราบเรียนท่านไปจำพรรษาอยู่ที่ วัดแค นางเลิ้ง (วัดสุนทรธรรมทาน) กรุงเทพฯพร้อมถวายตัวเป็นโยมอุปัฎฐาก แต่เมื่อท่านไปปรึกษากับพระอาจารย์สายได้รับเหตุผลและแง่คิดมากมาย จนทำให้ต้องบอกปฏิเสธไป
ต่อมาพระอาจารย์สายได้ลาสิกขาบทออกไปทำให้หลวงปู่ชื้นต้องอยู่อย่างลำพังต้อนรับญาติโยมที่นับวันจะมากขึ้นทุกวันจึงเริ่มเบื่อหน่ายในวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคมทำให้ร่างกายและจิตใจของท่านเกิดความร้อนรุ่น ประกอบกับมีข่าวเกี่ยวกับพระภิกษุรูปหนึ่งมาปลักกลดอยู่ที่หน้าวัดกุฎีทองมีญาติโยมขึ้นกันมากมาย ปฏิปทาของพระอาจารย์รูปนั้นเป็นที่โจษขานกันมากโดยในวันพระจะไม่พูดกับใครเลยและจะไม่ฉันอาหารใดๆทั้งสิ้นส่วนวันธรรมดาก็จะพูดน้อยมาก อัฐบริขารก็จะมีเพียงกลด จีวรและรองเท้าเก่าๆส่วนในย่ามก็มีเพียงกะลาสำหรับเป็นภาชนะใส่ข้าวและช้อนที่ทำจากกะลาเท่านั้นมารู้ภายหลังว่าพระอาจารย์รูปนั้นคือ พระอาจารย์เสน เตชธัมโม" ธุดงค์มาจากอ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา หลวงปู่ชื้นจึงไม่รีรอที่จะเข้าไปใกล้ชิดเพื่อสัมผัสและพิสูจน์ตามคำโจษขานนั้น และได้รับคำทักท้วงว่า ท่านเดินผิดทางแล้วพระอาจารย์เสนย้ำอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหน จนท่านนำคำพูดนั้นมาทบทวนและค่อยใช้สติสมาธิพิจารณาถึงความหมาย จนกระทั่งพบข้อเท็จจริงแห่งสัจธรรมทั้งสองท่านก็ปรารถณาเป็นศิษย์-อาจารย์กัน ทบทวนศีล พระธรรมวินัยต่างๆโดยหลวงปู่ชื้นได้นำตำราไสยศาสตร์วิชาอาคมต่างๆที่เล้าเรียนมาตั้งแต่ต้นเผาทิ้งจนหมดสิ้นจึงกลับมาปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดกับพระอาจารย์เสนพร้อมทั้งนิมนต์ให้ผู้เป็นอาจารย์มาจำพรรษาที่วัดญาณเสนจากปฏิปทาที่เปลี่ยนแปลงไปของท่าน จึงมีเสียงครหาไปในทางไม่สู้ดีแต่ท่านก็ไม่สนใจยังคงมุ่งหน้าที่จะมุ่งปฏิบัติต่อไปจนถึงขั้นอุกฤษฎ์ใต้ต้นโพธิ์ข้างโบสถ์เป็นเวลา 1 เดือน ด้วยการนั่งสมาธิตลอดเวลา ยกเว้น เวลาฉัน ปัสสาวะและขับถ่ายเท่านั้นชั่วเวลาเพียง 24 วัน จากการเริ่มปฏิบัติท่านก็สำเร็จสุดยอดวิชารัตนจักรพร้อมกันนั้นท่านก็ถูกร้องเรียนไปทางคณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้พิจารณาในปฏิปทาที่เพี้ยนๆเป็นต้นว่าชอบอยู่อย่างสมถะ สันโดษ ข้าวของที่ญาติโยมนำมาถวาย ใครจะหยิบอย่างไรก็ไม่ห้ามปรามหมู หมา กา ไก่ ฯลฯจะมาอยู่ในวัดสร้างความสกปรกอย่างไรท่านก็วางเฉยไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น จึงมีมติให้ปลดท่านจากการเป็นเจ้าอาวาสหลวงปู่ชื้นท่านก็มิได้อนาทรร้อนใจใดๆทั้งสิ้น เพียงขอทางคณะสงฆ์ว่าการตั้งเจ้าอาวาสให้ตั้งจากพระที่มาจากวัดญาณเสนเท่านั้นในความรู้สึกของชาวบ้านและญาติโยมทั่วไปก็ยังคงเคารพนับถือหลวงปู่ชื้นไม่มีเสื่อมคลาย วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื้นที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากท่านหลวงปู่จะอัญเชิญพระรัตนจักรมาสถิตในวัตถุมงคลนั้นๆเสมอ
หลวงปู่ชื้น พุทธสโร พระเกจิอาจารย์เปี่ยมด้วยเมตตาแห่งวัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มรณภาพละสังขารตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2546 เวลา 09.40 น. ด้วยอาการสงบรวมอายุ 97 ปี
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250