ความฝันท่านว่าเกิดจากหลายสาเหตุ คือ
๑. กินมากธาตุกำเริบ
๒. บุพนิมิต คือ จิตรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดชึ้นกับตัวเราในอนาคต
๓. จิตอาวรณ์ คือ จิตคิดถึงเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา
๔. เทพสังหรณ์ คือ เทวดาหรือมารมาดลใจให้ฝัน
และยังกล่าวต่อไปว่า ประกาที่ ๑ และ ๓ ไม่จริง ประการที่ ๒ จริงโดย ถ่ายเดียว ประการที่ ๔ จริงบ้าง เท็จบ้าง พระมหาบุรุษหลังจากทรง เลิกทำทุกรกิริยาแล้ว ทรงหันมาบำเพ็ญเพียรทางจิต โดยทรงเปรียบ เทียบอุปมา ๓ ข้อคือ
๑. สมณพราหมณ์ที่กายและใจไม่ปลีกออกจากกาม เปรียบดุจไม้สด แช่น้ำ คนเอามาก่อไฟไม่ติด
๒. สมณพราหมณ์ที่ออกจากกามแต่กาย ใจไม่ออก เปรียบดุจไม้สด อยู่บนบก เอามาก่อไฟไม่ติด
๓. สมณพราหมณ์ที่ออกจากกามทั้งกายและใจ เปรียบดุจไม้แห้งบนบก จุดไฟติด
อุปมาทั้ง ๓ นี้เป็นกำลังสนับสนุนให้พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป เพื่อบรรบลุสัมมาสัมโพธิญาณ จนถึงราตรีขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ ขณะ บรรทมหลับ ก็ทรงพระสุบินเป็นบุพนิมิต ๕ ประการ คือ
๑. ทรงพระสุบินว่า พระองค์บรรทมหงายเหนือปฐพี พระเศียรหนุน ภูเขาหิมพานต์ พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาและพระบาททั้งสองหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศใต้ (พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าผู้เลิศ สูงส่ง กว่าใคร ๆ ในโลกทั้งสาม)
๒. หญ้าแพรกงอกขึ้นจากพระนาภี พุ่งสูงจรดท้องฟ้า (จะได้ ประกาศสัจธรรม เผยมรรคผลนิพพานแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งปวง)
๓. หมู่หนอนทั้งหลายสีดำบ้าง ขาวบ้าง ไต่ยั้วเยี้ยขึ้นมาจากพื้นพระ บาททั้งคู่ จนถึงชาณุมณฑล (คฤหัสถ์ สมณพราหมณ์จะมาเลื่อมใสใน พระพุทธองค์จำนวนมาก)
๔. ฝูงนก ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน คือ สีเหลือง เขียว แดง ดำ บิน มาจากสีทิศ ลงมาจับแทบพระบาทแล้วกลับกลายเป็นสีขาวหมดสิ้น (ชาวโลกทั้งมวล ทั้งกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร เมื่อมาสู่สำนักของ พระองค์แล้ว จะเป็นผู้เข้าถึงธรรม เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น)
๕. เสด็จขึ้นเดินจงกรมบนยอดเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมนั้น ไม่เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท (ถึงพระองค์จะมากด้วยอามิสทีชาวโลก น้อมนำถวาย พระองค์ก็ไม่ติดอยู่ในอามิสเหล่านั้นแม้แต่น้อย)
เมื่อพระพุทธองค์ทรงตื่นบรรทม ทรงดำริถึงข้อพระสุบินนิมิตนั้นแล้ว ก็ทรงแน่พระทัยว่า จักได้บรรลุสัมมสัมโพธิญาณเป็นแน่แท้
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250