ตำนานเล่าว่า เมื่อพระโพธิสัตว์ก้าวสู่พระครรภ์พระนางสิริมหามายา เกิดปรากฏการณ์ประหลาดหลายอย่าง เช่น พระมารดาไม่มีความยินดี ในกามโดยอัตโนมัติ มีพระวรกายไม่ลำบาก มองเห็นพระโพธิสัตว์นั่ง ขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ออกมาข้างพื้นพระอุทรแห่งพระมารดา ดุจ สุวรรณปฏิมาอันสถิตอยู่บนฝักอ่อนในห้องแห่งกลีบปทุมชาติ ขณะ ประทับในพระครรภ์ ก็ไม่แปดเปื้อนมลทิน ไม่คุดคู้ดุจทารกทั่วไป. พระกุมาร ทันทีที่เสด็จออกจากพระครรภ์ ก็เสด็จดำเนินไปได้ ๗ ก้าว ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นชี้พระดรรชนีบนท้องฟ้า บ่ายพระพักตร์ไปทางทิศ อุดร เปล่ง “อาสภิวาจา” ว่า “เราเป็นผู้เลิศของโลก เป็นใหญ่ที่สุด และประเสริฐสุด นี่เป็นชาติสุดท้ายของเรา ไม่มีการเกิดใหม่อีกต่อไป”
พระพุทธรูปปางนี้ ส่วนมากวาดหรือปั้นเป็นพระกุมารน้อย เสด็จ ดำเนินพระบาท มีดอกบัวผุดขึ้นรองรับพระบาท พระหัตถ์ขวาชี้ขึ้นบน ฟ้า บางภาพทำพระโอษฐ์ดุจกำลังเปล่งพระวาจา ขณะที่พระราชชนนี ทรงยืนเหนี่ยวกิ่งสาละอยู่ถัดไป
ที่เมืองไทยเรานั้น ไม่นิยมปั้นพระพุทธรูปปางอื่น นอกจากปางสมาธิ หรือปางมารวิชัย นอกนั้นมักเป็นภาพวาดมากกว่า โดยเฉพาะเหตุการณ์ก่อนตรัสรู้ มักไม่นิยม คงเห็นว่ายังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า จึงไม่ ควรเรียกพระพุทธรูปกระมัง
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250