พระพุทธรูปปางนี้ มักจะอธิบายรวมกันกับ ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ ส่วนมากอยู่ใน พระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวา-ซ้ายเหยียด ลงตามปกติ เหมือนปางทรงยืน (ไม่อยาก ใช้ว่าประทับยืน) แต่แบพระหัตถ์ทั้งสองไป ข้างหน้า ทำท่าเปิดโลก
โลกทั้งสามที่ว่านี้ คือ เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก เทวโลกคือ โลกเทวดา ตั้งแต่ พรหมโลกลงมาจนถึงสวรรค์ทุกชั้น มนุษย์ โลก ก็คือโลกมนุษย์เดินดินทั้งหลายนี้แล ส่วนยมโลก ก็คือนรกทั้งหลายกี่ขุมๆ ปรากฏให้เห็นหมด
พระพุทธองค์ ขณะเสด็จลงจากดาวดึงส์ ทอดพระเนตรดูเบื้องบน โลกทั้งมวลตั้งแต่มนุษย์ ก็สว่างโล่งไปหมด เมื่อทรงเหลียวดูไปรอบ ทิศ ก็สว่างไปทั่ว เมื่อทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ ความสว่างก็ปรากฎ ไปทั่วนรกทุกขุม สัตว์ทั้งหลายต่างก็แลเห็นกันและกัน มนุษย์เห็น เทวดา เทวดาเห็นมนุษย์ มนุษย์และเทวดาเห็นสัตว์นรก สัตว์นรกก็ เห็นมนุษย์และเทวดา เป็นที่น่าอัศจรรย์
คัมภีร์ปฐมสมโพธิบรรยายว่า “ครั้งนั้นเทพยดามนุษย์และสัตว์เดรัจ- ฉานกำหนดที่สุด มดดำมดแดง ซึ่งเห็นพระชินสีห์ แลสัตว์คนใดคน หนึ่ง ซึ่งจะมิได้ปรารถนาพุทธภูมินั้น มิได้มีเป็นอันขาด” แปลเป็น ไทยว่า ทุกคนปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า อยากทำได้เหมือน พระพุทธเจ้า อย่าว่าแต่คนเลยกระทั่งมดดำมดแดง ก็อยากเป็นเลย สำนวนบรรยายท่านอาจจะ “เวอร์” ไปบ้าง แต่สรุปแล้วก็คือ ไม่ว่า ใครเมื่อเห็นปรากฎการณ์ครั้งนี้แล้ว ต่างก็อัศจรรย์ใจและเลื่อมใสใน พุทธานุภาพ
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250