นางเป็นกุลธิดามี่มีฐานะค่อนข้างยากจนแห่งเมืองสาวัตถี รูปร่าง ผอมบาง จึงได้นามว่า กีสาโคตมี (โคตมีผู้ผอมบาง) หลังจากได้ แต่งงานกับบุตรเศรษฐี จนได้บุตรชายมาคนหนึ่ง แต่ความปลาบ ปลื้มอยู่ได้ไม่นาน บุตรชายผู้น่ารักของนางก็ป่วย และสิ้นชีวิต กระทันหัน นางเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก ไม่กินไม่นอน นั่งซึมทั้งวัน วันหนึ่งอุบาสกคนหนึ่ง เห็นนางอุ้มลูกพลาง เอ่ยปากขอยารักษา พลาง ก็เกิดความสงสารกล่าวกับนางว่า “แม่หนู ไปที่พระเชตวัน สิจ๊ะ มีหมอยาที่เก่งอยู่ท่านหนึ่ง บางทีท่านอาจรักษาลูกแม่นางได้”
พระพุทธองค์ตรัสว่า “เราตถาคตรู้จัก เธอจงไปเอาเมล็ดพันธุ์ผัก กาดมาสักกำมือหนึ่ง เราตถาคตจะทำยาให้” นางดีใจรีบอุ้มศพลูก จะไปหาเมล็ดพันธุ์ผักกาด พระพุทธองค์ตรัสว่า “เมล็ดพันธุ์ผักกาด นี้จะต้องเอาจากเรือนที่ไม่มีคนตายเท่านั้น จึงจะทำยาได้” ปรากฏ ว่านางไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผักกาดแม้แต่เมล็ดเดียว เพราะทุกหลังคา เรือนที่นางไปขอ มีคนตายมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีหลังไหนที่ไม่เคยมีคน ตายเลย นางจึงได้คิดและคิดได้ว่า สรรพสัตว์ที่เกิดมาแล้วล้วนต้อง ตาย อย่าว่าแต่ลูกชายของนางเลย นางเองก็ต้องตาย สรรพสัตว์ทั้ง หมดก็ต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า
พระพุทธเจ้าประทานสาธุการ แล้วตรัสพระธรรมเทศนาย่อๆ ให้ เธอสดับ จบพระธรรมเทศนา กีสาโคตมี ได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้ว ขอบวชเป็นภิกษุณีในสำนักภิกษุณีสงฆ์
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250