ภิกษุหนุ่มนิรนามได้ยินกิตติศัพท์ว่า สิริมาเธองามเหลือเกิน อยาก เห็นด้วยตาว่าจะงามปานใด รุ่งขึ้นวันหนึ่ง จึงนุ่งสบงทรงจีวร ถือ บาตรตรงดิ่งไปยังคฤหาสน์ของสิริมา เธอไม่รู้ดอกว่า คืนนั้นสิริมา เธอป่วยกระทันหัน แต่พอรุ่งเช้านางก็ให้คนใช้พยุงลงมาใส่บาตรดัง เช่นทุกวัน ภิกษุหนุ่มเห็นเธอ ก็เกิดความรักขึ้นมาทันที เธอรับข้าว จากนางแล้วก็ตรงดิ่งกลับวัด ขึ้นกุฏิ วางบาตรไว้แล้วก็นอนคลุมโปง ครางฮือๆ ข้าวปลาไม่สนใจ มิไยเพื่อนพรหมจรรย์ (เพื่อนพระภิกษุ) ด้วยกันจะอ้อนวอนอย่างไรก็ไม่สนใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืนวันที่เธอใส่ บาตรนั้นแล สิริมาได้เสียชีวิต
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบเรื่อง รับสั่งไม่ให้เผาศพนาง ให้นำศพไปทิ้งไว้ที่ “อามกสุสาน” (ป่าช้าผีดิบ) ก่อน ในวันที่สี่จึง เสด็จพร้อมเหล่าภิกษุเพื่อทอดพระเนตรศพนางสิริมา ทรงให้ราช- บุรุษประกาศว่า ใครอยากได้นางสิริมา นางนครโสเภณี ผู้เลอโฉม ขอให้จ่ายเงินมาหนึ่งพัน.. ร้อยห้าสิบ.. หนึ่งร้อย.. ห้าสิบ.. ยี่สิบ.. สิบ.. มาสกหนึ่ง.. กากณิกหนึ่ง.. จนกระทั่งให้เปล่า ๆ .. ก็ไม่มีใคร อยากได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสพระคาถา (โศลก) สอนธรรมบทหนึ่ง ว่า “จงดูร่างกายที่ว่างามนี้ ที่เต็มไปด้วยแผล สร้างด้วยโครงกระดูก มากด้วยโรค มากด้วยความครุ่นคิดปรารถนา หาความยั่งยืน มิได้”
ภิกษุหนุ่มตื่นจากภวังค์ สลัดความลุ่มหลงด้วยอำนาจราคะออกหมด สิ้น บรรลุโสดาปัตติผล เพราะฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250