พระสุมนพุทธเจ้า
สุมนพุทธวงศ์ที่ 4
ว่าด้วยพระประวัติพระสุมนพุทธเจ้า
ในสมัยต่อมาจากพระพุทธมงคล มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ไม่มีใครเสมอเหมือนโดยธรรมทั้งปวง อุดมกว่าสรรพสัตว์ ครั้งนั้นพระศาสดาทรงตีกลองอมฤตเภรีในเมขลบุรี พระศาสนาของพระองค์มีองค์ 9 ประกอบด้วยธรรมอันขาว พระศาสดาพระองค์นั้น ทรงชำระกิเลสแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม ทรงสร้างนครคือพระสัทธรรม เป็นเมืองประเสริฐสุด ทรงสร้างถนนใหญ่คือ สติปัฏฐานอันเลิศล้ำ ไม่มีอะไรคั่น ไม่คด เป็นถนนตรง ไพบูลย์ กว้างขวาง ทรงลาดสามัญผล 5 ปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 และสมาบัติ 8 ไว้บนถนนนั้น ชนเหล่าใดเป็นผู้ไม่ประมาท ประกอบด้วยหิริและความเพียร ชนเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมถือเอาคุณอันประเสริฐนี้ได้ตามสบาย
พระศาสดาทรงรื้อขนมหาชนขึ้นด้วยโยคธรรมนั้นอย่างนี้ ทรงยังเทวดาและมนุษย์แสนโกฏิให้ตรัสรู้ในครั้งแรก ในกาลเป็นที่ทรงแสดงธรรมครั้งที่ 2 ที่พระมหาวีรเจ้าตรัสสอนหมู่เดียรถีย์ เทวดาและมนุษย์แสนโกฏิได้ตรัสรู้ธรรมในกาลเมื่อเทวดาและมนุษย์ผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจกันมาทูลถามปัญหานิโรธ อันเป็นความสงสัยแห่งใจ ในการทรงแสดงธรรม เครื่องแสดงนิโรธแม้ครั้งนั้น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่เทวดาและมนุษย์เก้าหมื่นโกฏิ พระสุมนบรมศาสดาทรงมีการประชุม พระสาวกขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบคงที่ 3 ครั้ง เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษาแล้ว ในวันสังฆปวารณา พระตถาคตทรงปวารณาพร้อมด้วยพระสาวกแสนโกฏิ ต่อแต่นั้นในการประชุมที่ภูเขาทองอันสุกอร่ามพระสาวกมาประชุมกันครั้งที่ 2 เก้าหมื่นโกฏิ ในกาลเมื่อท้าวสักกเทวราชเสด็จเข้าเฝ้า เพื่อทรงเยี่ยมพระพุทธเจ้า พระสาวกมาประชุมกันครั้งที่ 3 แปดหมื่นโกฏิ สมัยนั้นเราเป็นพญานาคราชมีฤทธิ์มาก มีนามชื่อว่าอตุละ เป็นผู้ก่อสร้างกุศลเจริญขึ้น ครั้งนั้น เราพร้อมด้วยหมู่ญาติออกจากนาคพิภพ เอาดนตรีทิพย์ไปบรรเลงบูชาพระพิชิตมารพร้อมด้วยพระสงฆ์ ถวายข้าวน้ำให้พระสงฆ์สาวกแสนโกฏิ ฉันจนเพียงพอ แล้วถวายผ้าเฉพาะรูปละคู่ ได้เข้าถึงพระพิชิตมารกับทั้งพระสงฆ์นั้นเป็นสรณะ แม้พระสุมนพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่านี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราอธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้น พระมหากษัตริย์พระนามว่าสุทัตตะ เป็นพระชนกของพระสุมนบรมศาสดา พระชนนีพระนามว่าสิริมา พระองค์ทรงครอบครองอคารสถานอยู่เก้าพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อว่าจันทะ สุจันทะและวฏังสะ มีพระสนมนารีกำนัลในหกล้านสามแสนนางล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าวฏังสกี พระราชโอรสพระนามว่าอนูปโม พระพิชิตมารทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยพระยาคชสารยานพระที่นั่งต้น ทรงบำเพ็ญเพียร 10 เดือนเต็ม พระมหาวีรสุมนเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ เมขลนคร อันเป็นเมืองประเสริฐสุด พระองค์ทรงมีพระสรณเถระ และพระภาวิตัตตเถระเป็นพระอัครสาวก ทรงมีพระเถระนามว่าอุเทนเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระโสณาเถรีและพระอุปโสณาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา แม้พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือนพระองค์นั้นก็ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้กากะทิง วรุณอุบาสกและสรณอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐากจาลาอุบาสิกาและอุปจาลาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระองค์สูง 90 ศอก มีพระรัศมีเปล่งปลั่งดังทองคำล้ำค่า ส่องสว่างจ้าไปในหมื่นโลกธาตุ
ขณะนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่เท่านั้น ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย พระสัมพุทธเจ้าทรงช่วยคนที่ควรข้ามให้ข้าม ทรงช่วยคนที่ควรตรัสรู้ให้ตรัสรู้ แล้วเสด็จปรินิพพานเหมือนพระจันทร์ดับ พระขีณาสพเหล่านั้น และพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเปรียบพระองค์นั้น แสดงรัศมีอันไม่มีอะไรเสมอเหมือนแล้วนิพพาน ญาณและรัตนตรัยอันไม่มีอะไรเทียบเคียงเหล่านั้นหายไปหมดสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระสุมนพุทธเจ้าผู้ทรงยศ เสด็จนิพพาน ณ อังคาราม พระสถูปของพระองค์สูง 4 โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ อังคารามนั้นแล.
จบสุมนพุทธวงศ์ที่ 4
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้เป็นธีระบุรุษผู้มีพระหฤทัยงาม
ความสูง : 90 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปในหมื่นโลกธาตุ
บำเพ็ญบารมี : 16 อสงไขยแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสุทัตตะ
พุทธมารดา : พระนางสิริมาเทวี
พระนคร : เขมลนคร
ใช้ชีวิตฆราวาส : 9,000 ปี
มเหสี : วฏังสกี
บุตร : อนูปโม
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงประทับบนหลังช้างออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 10 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่ควงไม้กากะทิง
อายุขัย : 90,000 ปีจึงปรินิพพาน ณ อังคาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250