พระสุเมธพุทธเจ้า
สุเมธพุทธวงศ์ที่ 11
ว่าด้วยพระประวัติพระสุเมธพุทธเจ้า
ในสมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตระ พระพิชิตมาร พระนามว่าสุเมธ ผู้เป็นนายกของโลก ยากที่จะเทียมถึง ทรงมีเดชรุ่งเรือง อุดมกว่าสัตวโลกทั้งปวง ทรงมีพระเนตรแจ่มใส พระพักตร์แช่มชื่น พระองค์สูงใหญ่ ตรง มีสง่า ทรงแสวงหาประโยชน์เพื่อสรรพสัตว์ ทรงเปลื้องสัตว์ให้พ้นจากเครื่องผูกเป็นอันมาก ในกาลเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุพระโพธิญาณอันอุดมบริสุทธิ์แล้ว ทรงประกาศธรรมจักร ณ สุทัสนนคร แม้ในกาลที่พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนา มีธรรมาภิสมัย 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ ครั้งที่ 2 ในกาลเมื่อพระพิชิตมารทรงทรมานยักษ์ชื่อว่า กุมภกรรณ์ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์เก้าหมื่นโกฏิ ครั้งที่ 3 ในกาลเมื่อพระองค์ผู้ทรงยศนับไม่ได้ ทรงประกาศจตุราริยสัจธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นโกฏิ พระสุเมธศาสดาทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ 3 ครั้ง ในกาลเมื่อพระพิชิตมารเสด็จเข้าไปในสุทัสนนคร พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันร้อยโกฏิ ในกาลเมื่อภิกษุทั้งหลาย กรานกฐิน ณ เทวกูฏ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันครั้งที่ 2 เก้าสิบโกฏิ ในกาลเมื่อพระทศพลเสด็จจาริกไปอีกครั้งหนึ่ง พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันครั้งที่ 3 แปดสิบโกฏิ
สมัยนั้น เราเป็นมาณพมีนามว่าอุตระ มีทรัพย์ที่เก็บสะสมไว้ในเรือนแปดสิบโกฏิ เราได้ถวายทรัพย์แก่พระศาสดา พร้อมด้วยพระสาวกหมดสิ้น แล้วถึงพระองค์เป็นสรณะ ชอบใจ (ออก) บรรพชา แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อทรงทำอนุโมทนา ก็ทรงพยากรณ์เราในกาลนั้นว่าในสามหมื่นกัป ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก …... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้วยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ประการ ให้ยิ่งขึ้นไป เราเล่าเรียนพระสูตรและพระวินัย อันเป็นนวังคสัตถุศาสน์ทั้งปวงแล้ว ทำพระศาสนาของพระพิชิตมารให้งามเราเป็นผู้ไม่ประมาทในคำสั่งสอนนั้น ทั้งในเวลานั่งยืนและเดิน ถึงความสำเร็จในอภิญญาแล้ว ได้ไปยังพรหมโลก พระนครชื่อว่าสุทัสนะ พระบรมกษัตริย์พระนามว่าสุทัตตะ เป็นพระชนกของพระสุเมธศาสดา พระนางสุทัตตาเป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่เก้าหมื่นปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาทชื่อว่าสุจันทะ กัญจนะ และสิริวัฑฒะ มีพระสนมนารีกำนัลในสี่หมื่นแปดพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าสุมนา พระราชโอรสพระนามว่าปุนัพพะ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยคชสารอันเป็นยานพระที่นั่งต้น ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม พระสุเมธมหาวีรชินเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร ณ สุทัสนอุทยานอันประเสริฐ ทรงมีพระสรณเถระและสรรพกามเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าสาคระ เป็นพุทธอุปัฏฐาก พระรามาเถรีและพระสุรามาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกชื่อว่าต้นสะเดา อุรุเวลาอุบาสกและยสวาอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก ยสาอุบาสิกาและสิริวาอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกาพระมหามุนีทรงมีพระองค์สูง 88 ศอก มีพระรัศมีสว่างไสวไปทั่วทิศเปรียบดังพระจันทร์ในหมู่ดาว ฉะนั้น พระรัศมีของพระองค์แผ่ไปตลอดโยชน์หนึ่งโดยรอบ เหมือนแก้วมณีของพระเจ้าจักรพรรดิ แผ่ไปโยชน์หนึ่ง ฉะนั้น
ในกาลนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุเก้าหมื่นปีพระองค์ทรงดำรงพระชนมายุอยู่เท่านั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏฏสงสารได้มากมาย พระศาสนาของพระองค์ คับคั่งไปด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย ล้วนแต่ผู้บรรลุไตรวิชชา ฉฬภิญญา และพลธรรมคงที่ แม้ท่านทั้งหมดนั้น ล้วนมียศศักดิ์มากนับไม่ได้ หลุดพ้นแล้วไม่มีอุปธิ แสดงแสงสว่างแห่งญาณแล้วนิพพาน พระพุทธสุเมธชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพาน ณ เมธาราม พระธาตุของพระองค์แผ่กระจัดกระจายไปในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
จบสุเมธพุทธวงศ์ที่ 11
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้หาบุคคลเปรียบมิได้
ความสูง : 88 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปตลอดโยชน์หนึ่งโดยรอบ
บำเพ็ญบารมี : บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสุทัตตะ
พุทธมารดา : พระนางสุทัตตาเทวี
พระนคร : สุทัสสนะ
ใช้ชีวิตฆราวาส : 9,000 ปี
มเหสี : สุมนา
บุตร : ปุนัพพะ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงช้างออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 7 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นนีปะ (ต้นสะเดา)
อายุขัย : 90,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ เมธาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250