พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
อโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ 7
ว่าด้วยพระประวัติพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตมีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงพระยศนับไม่ได้ มีพระเดชยากที่จะล่วงได้พระองค์ทรงตัดเครื่องผูกทุกอย่าง ทรงทำลายภพ 3 แล้ว ทรงแสดงทางที่ไปไม่กลับ ในหมู่เทวดาและมนุษย์ พระองค์ทรงพระคุณนับไม่ได้ดังมหาสมุทร ยากที่จะให้จมลงเหมือนภูเขา ไม่มีที่สุดดุจอากาศ พระคุณบานเต็มที่เช่นพญารัง สัตว์ทั้งหลายย่อมยินดีแม้ด้วยการเห็นพระองค์สัตว์เหล่านั้นได้ฟังพระสุรเสียงที่ทรงเปล่งย่อมบรรลุอมตธรรม ในกาลนั้น ธรรมาภิสมัยของพระองค์เจริญรุ่งเรืองในพระธรรมเทศนาครั้งที่ 1 สัตว์ร้อยโกฏิได้ตรัสรู้ สมัยต่อแต่นั้นมา เมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตก ในพระธรรมเทศนาครั้งที่ 2 สัตว์แปดสิบโกฏิได้ตรัสรู้ และสมัยต่อมาเมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตกให้สัตว์ทั้งหลายอิ่มหนำสำราญธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่สัตว์ 78 โกฏิ พระบรมศาสดา ได้ทรงประชุมพระภิกษุผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรม ผู้บานแล้วด้วยการหลุดพ้น 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระภิกษุขีณาสพผู้ละความมัวเมา และความหลง มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ มาประชุมแปดแสน ครั้งที่ 2 พระภิกษุขีณาสพผู้ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากธุลี สงบระงับคงที่ มาประชุมเจ็ดแสน ครั้งที่ 3 พระภิกษุขีณาสพผู้บรรลุอภิญญา และพลธรรมผู้ดับสนิท มีตบะ มาประชุมหกแสน
สมัยนั้น เราเป็นยักษ์มีฤทธิ์มาก เป็นใหญ่ ปกครองยักษ์หลายโกฏิให้อยู่ในอำนาจ แม้ครั้งนั้น เราก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้ทรงแสวงหาคุณใหญ่หลวงพระองค์นั้นแล้วได้ถวายข้าวและน้ำให้พระองค์เสวยพร้อมด้วยพระสงฆ์จนเพียงพอ แม้พระมุนีผู้มีพระนัยนาบริสุทธิ์พระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็ยินดีมีใจปราโมทย์ อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้น พระนครชื่อว่าจันทวดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่ายสวา เป็นพระชนกของพระอโนมทัสสีศาสดา พระชนนีพระนามว่ายโสธรา พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี มีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อศิริ อุปศิริ และวัฑฒะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสองหมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสี พระนามว่าสิริมา พระราชโอรสพระนามว่าอุปสาละ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทองทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 10 เดือนเต็ม พระมหามุนีอโนทัสสีมหาวีรเจ้าอันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ สุทัสนราชอุทยานอันประเสริฐ ทรงมีพระนิสภเถระและพระอโนมเถระเป็นพระอัครสาวกพระเถระชื่อว่าวรุณเป็นพุทธุปัฏฐาก พระสุนทราเถรีและพระสุมนาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคนั้นเรียกว่าต้นกุ่ม นันทิวัฑฒอุบาสกและสิริวัฑฒอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐากอุปลาอุบาสิกาและปทุมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิภา พระมหามุนีมีพระองค์สูง 58 ศอก มีพระรัศมีซ่านออกสว่างไสวดังพระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น
ในครั้งนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุแสนปี พระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้เป็นอันมาก พระศาสนาของพระองค์บานสะพรั่งงดงามด้วยพระอรหันต์ทั้งหลายผู้คงที่ผู้ปราศจากราคะและมลทิน พระศาสดาผู้ทรงยศนับไม่ได้และคู่พระสาวกผู้ไม่มีใครแม้นเสมือนหายไปหมดสิ้นแล้วสังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระอโนมทัสสี พระบรมศาสดาชินเจ้า เสด็จนิพพาน ณ ธรรมาราม พระสถูปของพระองค์สูง 20 โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ ธรรมารามนั้น ฉะนี้แล.
จบอโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ 7
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้สูงสุดในหมู่ชน
ความสูง : 58 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปเหลือประมาณ
บำเพ็ญบารมี : 16 อสงไขยแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้ายสวา
พุทธมารดา : พระนางยโสธราเทวี
พระนคร : จันทวดี
ใช้ชีวิตฆราวาส : 10,000 ปี
มเหสี : สิริมา
บุตร : อุปสาละ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงเสลี่ยงออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 10 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นอัชชนะ (ต้นกุ่ม)
อายุขัย : 100,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ ธรรมาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250