พระเรวตพุทธเจ้า
เรวตพุทธวงศ์ที่ 5
ว่าด้วยประวัติพระเรวตพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่า สุมนะ พระพิชิตมารพระนามว่าเรวตะ เป็นนายกของโลก มีพระคุณสูงสุดไม่มีใครเปรียบเทียบเสมอ แม้พระองค์อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ก็ทรงประกาศธรรม กำหนดด้วยขันธ์และธาตุที่ใครๆ ยังมิได้ประกาศ ในภพน้อยใหญ่ในกาลที่พระองค์ทรงแสดงธรรม ธรรมาภิสมัยมี 3 ครั้ง ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 จะพึงกล่าวโดยคำนวณไม่ได้ ในกาลเมื่อพระเรวตมหามุนี ทรงสั่งสอนแนะนำพระเจ้าอรินทมหาราช ธรรมาภิสมัยที่ 2 ได้มีแก่มนุษย์และเทวดาพันโกฏิ พระนราสภเสด็จออกจากที่เร้น 7 วัน ทรงสั่งสอนแนะนำมนุษย์และเทวดาในผลชั้นสูงร้อยโกฏิ พระเรวตบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบ คงที่ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระภิกษุที่มาประชุมกันล่วงทางที่จะนับได้ ครั้งที่ 2 พระภิกษุที่มาประชุมกันแสนโกฏิ ในกาลเมื่อพระองค์ผู้ไม่มีใครเสมอด้วยพระปัญญา ทรงประกาศธรรมจักรแล้ว ทรงประชวรจวนจะเสด็จนิพพาน ครั้งนั้น พระภิกษุผู้ขีณาสพที่มาเฝ้าพระมหามุนี เพื่อทูลถามอาการประชวรประชุมกันเป็นครั้งที่ 3 แสนโกฏิ
สมัยนั้น เราเป็นพราหมณ์นามว่าอติเทพ ได้เข้าไปเฝ้าพระเรวตพุทธเจ้าแล้ว ถึงพระองค์เป็นสรณะได้ชมเชยศีล สมาธิและพระปัญญาคุณอันยอดเยี่ยมของพระองค์แล้วได้ทูลถวายจีวรแก่พระองค์ตามกำลัง แม้พระเรวตพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก พระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่า ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ....... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราอธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ให้ยิ่งขึ้น แม้ครั้งนั้น เราระลึกถึงพระพุทธการกธรรมนั้น แล้วตามเพิ่มพูนว่าเราจักนำมาซึ่งธรรมนั้นอันเป็นธรรมที่เราปรารถนายิ่ง พระนครชื่อว่าสุธัญญกะ พระมหากษัตริย์พระนามว่าวิปุละ เป็นพระชนกของพระเรวตบรมศาสดา พระนางวิปุลาเป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอคารสถานอยู่ 6,000 ปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อสุทัสนะ รัตนัคฆิ และอาเวฬะ ตกแต่งสวยงามเกิดเพราะบุญกรรม ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสามโกฏิสามแสนนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าสุทัสนา พระโอรสพระนามว่าวรุณ พระพิชิตมารทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยรถอันเป็นราชยานที่นั่งต้น ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 7 เดือนเต็ม พระเรวตมหาวีรชินเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร ประทับอยู่ ณ วรุณาราม พระองค์ทรงมีพระวรุณเถระและพระพรหมเทวเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อสัมภวะเป็นพุทธอุปัฏฐาก พระภัททาเถรี พระสุภัททาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา แม้พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือนพระองค์นั้น ก็ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้กากะทิง วรุณอุบาสกและสรภอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก นางปาลาอุบาสิกาและนางอุปปาลา อุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีพระองค์สูง 80 ศอก ทรงเปล่งปลั่งพระรัศมีสว่างไสวไปทั่วทิศ ดังพระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น พระรัศมีอันเป็นระเบียบสว่างไสว ที่เกิดในพระพุทธสรีระแผ่ไปโยชน์หนึ่งโดยรอบ ทั้งกลางวันและกลางคืน
ในขณะนั้น มนุษย์มีอายุหกหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงพระชนมายุเท่านั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้เป็นอันมาก ทรงแสดงกำลังพระพุทธเจ้าแล้ว ประกาศอมตธรรมในโลก ไม่ทรงมีอุปาทานเสด็จนิพพาน เพราะสิ้นความถือมั่นว่าเป็นผู้เลิศ ทรงมีพระวรกายมีรัศมีดังแก้ว พระธรรมก็ไม่มีอะไรเหมือน หายไปหมดทุกอย่าง สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระเรวตพุทธเจ้าผู้ทรงยศ มีพระปัญญามาก เสด็จนิพพานแล้ว พระธาตุของพระองค์แผ่ไปกว้างขวางในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
จบเรวตพุทธวงศ์ที่ 5
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้เพิ่มพูนความยินดี
ความสูง : 80 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปหนึ่งโยชน์โดยรอบ
บำเพ็ญบารมี : 16 อสงไขยแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าวิปุละ
พุทธมารดา : พระนางเจ้าวิปุลาเทวี
พระนคร : สุธัญญกะ
ใช้ชีวิตฆราวาส : 6,000 ปี
มเหสี : สุทัสนา
บุตร : วรุณ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงราชรถออกบวข
ระยะเวลาการทำความเพียร : 7 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่ควงไม้กากะทิง
อายุขัย : 60,000 ปีจึงปรินิพพานที่เมืองหลวงสุธัญญกะ
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250