พระเวสสภูพุทธเจ้า
เวสสภูพุทธวงศ์ที่ 21
ว่าด้วยพระประวัติพระเวสสภูพุทธเจ้า
ในมัณฑกัปนั้นแล พระพิชิตมารผู้ไม่มีบุคคลเปรียบเสมอ มีพระนามชื่อว่าเวสสภู เสร็จอุบัติขึ้นในโลก พระเวสสภูผู้เป็นนายกของโลกทรงทราบว่าไฟคือราคะนี้เป็นของร้อนเป็นแว่นแคว้นของตัณหา ทรงตัดกิเลสดังช้างตัดเชือกแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม แล้วทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นโกฏิ เมื่อพระนราสภเชษฐบุรุษของโลก เสด็จจาริกไปในแว่นแคว้น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์เจ็ดหมื่นโกฏิ เมื่อพระองค์ทรงกระทำปาฏิหาริย์บรรเทาทิฏฐิใหญ่ มนุษย์และเทวดาในหมื่นโลกธาตุมาประชุมกัน เทวดาและมนุษย์ได้เห็นความมหัศจรรย์อันไม่เคยมี เป็นเหตุให้ขนพองสยองเกล้าแล้วได้ตรัสรู้ 60 โกฏิพระเวสสภูบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับคงที่ ผู้กลัวภัยมีชราเป็นต้น เป็นโอรสของพระศาสดาผู้ได้ฟังพระธรรมจักรอันประณีตอุดม ที่พระพุทธเจ้าซึ่งไม่มีใครเสมอพระองค์นั้นทรงประกาศแล้วออกบวช 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันแปดหมื่นโกฏิ ครั้งที่ 2 เจ็ดหมื่นโกฏิ ครั้งที่ 3 หกหมื่นโกฏิ
สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์พระนามว่า สุทัสนะ ได้บูชาพระพิชิตมารพร้อมด้วยพระสงฆ์ ด้วยข้าว น้ำและผ้า เรายังมหาทานให้เป็นไปไม่เกียจคร้านทั้งกลางคืน กลางวัน ออกบวชอันถึงพร้อมด้วยคุณ ในสำนักของพระชินเจ้าเราเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอาจารคุณ ตั้งมั่นอยู่ในวัตรและศีล แสวงหาพระสัพพัญญุตญาณ ยินดีในศาสนาของพระชินเจ้า เรายังศรัทธา และปีติให้เกิด ถวายบังคมพระพุทธบรมศาสดา ปีติเกิดขึ้นแก่เราเพราะเหตุแห่งโพธิญาณนั่นเอง พระสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า เรามีฉันทะอันไม่กลับกลอกจึงทรงพยากรณ์ว่า ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก .... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ประการ ให้ยิ่งขึ้นไปพระนครชื่อว่าอโนมะ พระบรมกษัตริย์ พระนามว่าสุปติตะ เป็นพระชนกของพระเวสสภูบรมศาสดา พระนางยสวดีเป็นพระชนนีพระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หกพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อว่ารุจิ สุรติ และวัฑฒกะทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสามหมื่นนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีนามว่าสุจิตรา พระราชโอรสพระนามว่าสุปปพุทธะ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทอง ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 6 เดือนเต็ม พระเวสสภูมหาวีรเจ้า ผู้เป็นนายกของโลกอุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ อรุณาราม ทรงมีพระโสณเถระและพระอุตรเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าอุปสันตะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระรามาเถรีและพระสุมาลาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกกันว่าไม้อ้อยช้างใหญ่ โสตถิอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐากโคตมีอุบาสิกาและสิริมาอุบาสิกา เป็นอุปัฏฐายิกา
พระองค์สูง 60 ศอก เปรียบเสมอด้วยเสาทอง พระรัศมีเปล่งออกจากพระวรกายดังไฟบนภูเขาในเวลากลางคืน พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีพระชนมายุหกหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้ประชุมชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย ทรงจำแนกธรรมไว้อย่างพิสดาร ทรงตั้งมหาชนให้อยู่บนธรรมนาวาแล้ว พระองค์ก็เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวกพระวิหารอันมีชนทุกหมู่เหล่า น่าดูน่าชม พระอิริยาบถหายไปหมดสิ้นแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระเวสสภูศาสดาชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพานที่เขมาราม พระธาตุของพระองค์แผ่ไปกว้างขวางในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
จบเวสสภูพุทธวงศ์ที่ 21
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้ประทานความสุข
ความสูง : 60 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกเหลือประมาณ
บำเพ็ญบารมี : บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสุปติตะ
พุทธมารดา : พระนางยสวดี
พระนคร : อโนมนคร
ใช้ชีวิตฆราวาส : 6,000 ปี
มเหสี : สุจิตรา
บุตร : สุปปพุทธะ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ประทับวอออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 6 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นมหาสละ
อายุขัย : 60,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ เขมาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250