พระโกณฑัญญพุทธเจ้า
โกณฑัญญพุทธวงศ์ที่ 2
ว่าด้วยพระประวัติพระโกณฑัญญะพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระพุทธทีปังกร พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โกณฑัญญะ เป็นนายกของโลก ทรงพระเดชไม่มีที่สุด มีพระยศนับมิได้ ประมาณไม่ได้ ยากที่จะรู้ พระองค์มีขันติเปรียบด้วยถนน มีศีลเปรียบด้วยสาคร มีสมาธิเปรียบด้วยเขาสุเมรุ มีญาณเปรียบด้วยอากาศ ทรงประกาศอินทรีย์ พละ โพชฌงค์ มรรคและอริยสัจ ในกาลทุกเมื่อ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์
เมื่อพระพุทธโกณฑัญญะ ผู้เป็นนายกของโลกทรงประกาศธรรมจักรธรรมาภิสมัย ครั้งที่ 1 ได้มีแก่มนุษย์และเทวดาแสนโกฏิ ต่อแต่นั้นเมื่อทรงแสดงพระธรรมเทศนาในสมาคมมนุษย์และเทวดา ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่มนุษย์และเทวดาเก้าหมื่นโกฏิ ในเมื่อทรงแสดงธรรมย่ำยีพวกเดียรถีย์ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่เทวดาและมนุษย์แปดหมื่นโกฏิ
พระพุทธโกณฑัญญะผู้แสวงหาคุณอันใหญ่หลวงทรงประชุมพระสาวกขีณาสพ ผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบคงที่ 3 ครั้ง การประชุมครั้งที่ 1 มีพระสาวกแสนโกฏิ ครั้งที่ 2 พันโกฏิ ครั้งที่ 3 เก้าสิบโกฏิ สมัยนั้นเราเป็นพระมหากษัตริย์พระนามว่า วิชิตาวี เป็นใหญ่ในแผ่นดิน โดยมีสมุทรสาครเป็นขอบเขต เรานิมนต์พระสงฆ์สาวกผู้ปราศจากมลทิน ผู้แสวงหาคุณใหญ่ พร้อมด้วยพระศาสดาผู้เป็นนาถะชั้นเลิศของโลก ให้ฉันภัตตาหารอย่างดี แม้พระพุทธโกณฑัญญะผู้เป็นนายกของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์ว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง เราเมื่อจะยังประโยชน์นั้นให้สำเร็จ ได้ถวายราชสมบัติอันใหญ่หลวงแก่พระพิชิตมาร ครั้นแล้วก็ออกบวชในสำนักของพระองค์ เราได้เล่าเรียนพระสูตรพระวินัย อันเป็นนวังคสัตถุศาสน์ทั้งปวงแล้ว ทำพระศาสนาของพระพิชิตมารให้งดงาม เราเป็นผู้ไม่ประมาทในคำสั่งสอนของพระองค์ทั้งเวลานั่ง ยืน และเดิน ถึงความสำเร็จในอภิญญาแล้วได้ไปยังพรหมโลก พระนครชื่อ รัมมวดี พระมหากษัตริย์ พระนามว่า สุนันทะ พระนางสุชาดา เป็นพระชนกชนนีของพระพุทธโกณฑัญญะ ผู้แสวงหาคุณใหญ่หลวงพระองค์ประทับอยู่ ณ ท่ามกลางเรือนสองหมื่นปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาทชื่อ รุจิ สุรุจิ และสุภะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสามแสน ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่า รุจิเทวี พระราชโอรสพระนามว่าชีวิตเสน พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยรถราชยาน ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 10 เดือนเต็ม
พระพุทธโกณฑัญญมหาวีรเจ้าผู้อุดมกว่าสัตว์อันพรหมทูลอาราธนาแล้วทรงประกาศพระธรรมจักรแก่เทวดาและมนุษย์ในป่ามหาวัน พระองค์ทรงมีพระภัททเถระและพระสุภัททเถระเป็นอัครสาวก มีพระเถระนามว่า อนุรุทธะเป็นอุปัฏฐาก มีพระติสสาเถรี และพระอุปติสสาเถรีเป็นอัครสาวิกา มีไม้สาละต้นงามเป็นไม้โพธิ์ตรัสรู้ โสณอุบาสกและอุปโสณอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก นันทาอุบาสิกา และสิริมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมหามุนีพระองค์นั้น สูง 88 ศอก ทรงงามดั่งพระจันทร์ และเหมือนพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยง
ในขณะนั้น สัตว์ทั้งหลายอายุแสนปีพระองค์ทรงดำรงพระชนมายุอยู่เท่านั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย พื้นเมทนีงามวิจิตรไปด้วยพระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน พระองค์ย่อมงามด้วยพระขีณาสพเหมือนท้องฟ้าอมงามด้วยหมู่ดาว ฉะนั้น พระมหานาคแม้เหล่านั้นมีคุณอันประมาณไม่ได้ นับไม่ถ้วน ยากที่จะรู้ได้ ท่านผู้ทรงยศเหล่านั้น นิพพานแล้วเหมือนแสงสายฟ้าตก พระพิชิตมารมีพระฤทธิ์ไม่มีที่เปรียบ มีสมาธิอันพระญาณอบรมทุกอย่างหายไปหมดสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระโกณฑัญญพุทธเจ้าผู้ทรงศิริเสด็จนิพพานที่นันทาราม พระเจดีย์ของพระองค์สูง 7 โยชน์ เขาสร้างไว้ที่นันทารามนั้น.
จบโกณฑัญญพุทธวงศ์ที่ 2
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา: ผู้เป็นประมุขแห่งหมู่ชน
ความสูง: 88 ศอก
รัศมี: แผ่ซานออกไปไม่ประมาณ
บำเพ็ญบารมี :16 อสงไขยแสนกัป
วรรณะ: กษัตริย์
พุทธบิดา: สุนันทะ
พุทธมารดา: สุชาดาเทวี
พระนคร: รัมมวดี
ใช้ชีวิตฆราวาส: 20,000 ปี
พระมเหสี: รุจิเทวี
บุตร: ชีวิตเสน
ยานพาหานะที่ใช้ออกบวช: ทรงราชรถออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร: 10 เดือนจึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้: ที่โคนต้นสาลกัลยาณี ( ต้นขานาง)
อายุขัย: 100,000 ปี จึงปรินิพพานที่สวนนันทาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250