พระโคตมพุทธเจ้า
โคตมพุทธวงศ์ที่ 25
ว่าด้วยพระประวัติพระโคตมพุทธเจ้า
บัดนี้ เราเป็นพระสัมพุทธเจ้านามว่า โคดม เจริญในศากยสกุล เราบำเพ็ญเพียรแล้ว ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม พรหมอาราธนาแล้ว ประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์ 18 โกฏิ ต่อแต่นั้น เมื่อเราแสดงธรรมในสมาคมมนุษย์และเทวดาธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ ในคราวที่เรากล่าวสอนราหุลบุตรของเราบัดนี้ ณ ที่นี้แล ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ เรามีการประชุมพระสาวกผู้แสวงหาคุณใหญ่ครั้งเดียว ภิกษุที่ประชุมกันมี 1,250 รูป เราผู้ปราศจากมลทินรุ่งเรืองอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ เราให้สิ่งที่ปรารถนาทุกอย่างเหมือนแก้วมณีให้สิ่งที่ต้องการทั้งปวง ฉะนั้น
เราประกาศจตุราริยสัจเพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้หวังผล ผู้แสวงหาธรรมเครื่องละความพอใจในภพ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์สองแสน ธรรมาภิสมัย ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์โดยจะคณนานับมิได้ คำสั่งสอนของเราผู้เป็นศากยมุนี กว้างขวางเจริญแพร่หลายงอกงามดี บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เป็นประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ภิกษุหลายร้อยล้วนเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะมีจิตสงบระงับมั่นคงแวดล้อมเราอยู่ทุกเมื่อในกาลบัดนี้ ภิกษุเหล่าใด เป็นพระเสขะยังมิได้บรรลุอรหัตละภพมนุษย์ไป ภิกษุเหล่านั้น วิญญูชนตำหนิ ชนทั้งหลายผู้ชอบใจทางพระอริยเจ้า ยินดีในธรรมทุกเมื่อ มีปัญญารุ่งเรือง ถึงจะยังท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ก็จักตรัสรู้ได้ นครของเราชื่อกบิลพัสดุ์พระเจ้าสุทโธทนะเป็นโยมบิดาของเรา โยมมารดาบังเกิดเกล้าของเรา เรียกพระนามว่า มายาเทวี เราครอบครองอาคารสถานอยู่ 29 ปี มีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อสุจันทะ โกกนุทะ และโกญจะ มีสนมนารีกำนัลในแปดหมื่นสี่พันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม มเหสีของเรานามว่า ยโสธรา บุตรชายของเราชื่อว่าราหุล เราเห็นนิมิต 4 ประการ จึงออกผนวชด้วยอัสวราชยาน ได้บำเพ็ญเพียรประพฤติทุกกรกิริยาอยู่ 6 ปี
เราประกาศธรรมจักรที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี เราเป็นพระสัมพุทธเจ้าชื่อว่าโคดม เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง ภิกษุ 2 รูป ชื่ออุปติสสะและโกลิตะเป็นอัครสาวกของเรา ภิกษุชื่ออานนทะ เป็นอุปัฏฐาก อยู่ในสำนักของเรา ภิกษุณีชื่อเขมาและอุบลวรรณาเป็นอัครสาวิกา จิตตคฤหบดีและหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี เป็นอัครอุปัฏฐาก นันทมาดาและอุตราอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา เราบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม ที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ เรามีรัศมีซ่านออกด้านละวาทุกเมื่อสูงขึ้นไป 16 ศอก บัดนี้ อายุของเราน้อย มี 100 ปี ถึงเราจะดำรงอยู่เพียงนั้น ก็ช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย เราตั้งคบเพลิงคือธรรมไว้สำหรับให้คนภายหลังได้ตรัสรู้ อีกไม่นานเลย แม้เรากับสงฆ์สาวกก็จักนิพพาน ณ ที่นี้แลเพราะสิ้นอาหาร เหมือนไฟสิ้นเชื้อ ฉะนั้น เรามีร่างกายเป็นเครื่องทรงคุณ คือ เดชอันไม่มีเทียบเคียง ยศ กำลังและฤทธิ์เหล่านี้ วิจิตด้วยลักษณะอันประเสริฐ 32 ประการ มีรัศมี 6 ประการ สว่างไสวไปทั่วทิศน้อยใหญ่ ดุจพระอาทิตย์ ทุกอย่างจักหายไปหมดสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ ฉะนี้แล.
จบโคตมพุทธวงศ์ที่ 25
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้ประเสริฐแห่งหมู่ศากยราช
ความสูง : 4 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปประมาณ ๑ วา
บำเพ็ญบารมี : 4 อสงไขยกับหนึ่งแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสุทโธทนะ
พุทธมารดา : พระนางสิริมหามายา
พระนคร : กบิลพัสดุ์
ใช้ชีวิตฆราวาส : 29 ปี
มเหสี : ยโสธรา
บุตร : ราหุล
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงม้าออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 6 ปี จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นศรีมหาโพธิ
อายุขัย : 80 ปี จึงปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250