พระโสภิตพุทธเจ้า
โสภิตพุทธวงศ์ที่ 6
ว่าด้วยพระประวัติพระโสภิตพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระเรวตพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิต เป็นนายกของโลก ทรงมีพระทัยมั่นคงสงบระงับไม่มีใครเสมอ ไม่มีบุคคลเปรียบ พระองค์ทรงกลับพระทัย (ไม่พอพระทัย) ในพระราชวังของพระองค์ ทรงบรรลุโพธิญาณ ประกาศพระธรรมจักรอย่างเดียว ในระหว่างเบื้องบนตลอดถึงอเวจีนรก และเบื้องต่ำ ตลอดถึงภวัคคพรหมนี้ เป็นบริษัทเดียวกันในการทรงแสดงธรรมพระสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมจักรแก่บริษัทนั้น โดยจะนับผู้ได้ตรัสรู้ธรรมครั้งแรกพึงกล่าวไม่ได้ เบื้องหน้าแต่นั้น เมื่อทรงแสดงธรรมในสมาคมของมนุษย์และเทวดา ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่มนุษย์และเทวดาเก้าหมื่นโกฏิ ในกาลนั้น พระบรมกษัตริย์พระนามว่าชยเสนะ รับสั่งให้สร้างพระอารามอีกแห่งหนึ่ง มอบถวายในพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าผู้มีพระจักษุทรงแสดงธรรมประกาศการบูชาของบรมกษัตริย์ ครั้งนั้นธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่มนุษย์และเทวดาพันโกฏิ พระโสภิตบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับคงที่ 3 ครั้ง พระราชาพระนามว่าอุคคตะ ทรงถวายทานในพระพุทธเจ้า ในทานครั้งนั้น พระอรหันต์มาประชุมกันประมาณร้อยโกฏิ มีหมู่คณะมาถวายทานในพระพุทธเจ้าอีก ครั้งนั้น พระอรหันต์มาประชุมกันครั้งที่ 2 เก้าสิบโกฏิ ในกาลเมื่อพระพิชิตมาร ทรงจำพรรษาในเทวโลกแล้วเสด็จลง พระอรหันต์มาประชุมกันครั้งที่ 3 แปดสิบโกฏิ
สมัยนั้น เราเป็นพราหมณ์นามว่าสุชาติ เราได้ถวายข้าวและน้ำให้พระพุทธเจ้าเสวยพร้อมทั้งพระสาวกจนเพียงพอ แม้พระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตผู้เป็นนายกของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้า ...... ข้ามแม่น้ำใหญ่ฉะนั้น
เราได้ฟัง พระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว มีใจยินดีปราโมทย์แล้วได้กระทำความเพียรอย่างยอดเยี่ยม เพื่อบรรลุประโยชน์นั้น พระนครชื่อว่าสุธรรม พระมหากษัตริย์พระนามว่าสุธรรมเป็นพระชนกของพระโสภิตบรมศาสดา พระชนนีพระนามว่าสุธรรมา พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่เก้าพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อกุมุท นฬินี ปทุม มีพระสนมนารีกำนัลในสี่หมื่นสามพันนางล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่ามกิลา พระราชโอรสมีพระนามว่าสีหะ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ เสด็จออกผนวชพร้อมทั้งปราสาท พระองค์ผู้เป็นบุรุษอุดม ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 7 วัน พระโสภิตมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ พระอุทธยานสุธรรมาอันสวยงาม ทรงมีพระอสมเถระและ พระสุเนตตเถระเป็นอัครสาวก เพราะเถระชื่อว่าอโนมะเป็นพุทธอุปัฏฐาก พระนกุลาเถรีและพระสุชาตาเถรี เป็นพระอักครสาวิกา และพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อตรัสรู้ก็ได้ตรัสรู้ที่ควงไม้กากะทิงรัมมะอุบาสกและสุเนตตอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก นกุลาอุบาสิกา และจิตตาอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมหามุนีพระองค์สูง 58 ศอก ทรงเปล่งพระรัศมีสว่างไสวไปทั่วทิศ ดุจพระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น คำสั่งสอนของพระองค์หอมตลบไปด้วยกลิ่นศีล เปรียบเหมือนป่าไม้ที่ดอกบาน หอมตลบไปด้วยกลิ่นต่างๆ ฉะนั้น คำสั่งสอนของพระองค์ไม่มีใครอิ่มด้วยการฟัง ดังสมุทรสาครไม่มีใครอิ่มด้วยการเห็น ฉะนั้น
ในขณะนั้น มนุษย์มีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงพระชนมายุอยู่เท่านั้น ทรงช่วยในหมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้เป็นอันมาก พระองค์ทรงประทานพระโอวาทและการพร่ำสอน ทรงสั่งสอนหมู่ชนที่เหลือให้เผากิเลสดังเปลวไฟไหม้เชื้อ แล้ว เสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือน และพระสาวกผู้บรรลุพลธรรมทั้งหลาย หายไปหมดสิ้นแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ พระนามว่าโสภิต เสด็จนิพพาน ณ สีหาราม พระธาตุของพระองค์แผ่กว้างไปในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
จบโสภิตพุทธวงศ์ที่ 6
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้สมบูรณ์ด้วยพระคุณ
ความสูง : 58 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปเหลือประมาณ
บำเพ็ญบารมี : 4 อสงไขยแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสุธรรม
พุทธมารดา : พระนางสุธรรมาเทวี
พระนคร : สุธรรมนคร
ใช้ชีวิตฆราวาส : 9,000 ปี
มเหสี : มกิลา
บุตร : สีหะ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ออกบวชทั้งปราสาท (ลอยไปทั้งปราสาท)
ระยะเวลาการทำความเพียร : 7 วัน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่ควงไม้กากะทิง
อายุขัย : 90,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ สีหาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250