ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ที่ปิดบังตัวเอง ไม่ให้ใครทราบ เมื่อครั้งที่ท่านยังดำรงค์ขันธ์อยู่นั้น ชาวขุนยวม เข้าใจว่าท่านเป็นวิปลาส เพราะท่านแต่งตัวแบบผู้หญิงไทใหญ่ นุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อ ไว้ผมยาว ม้วนผม ทาแป้ง ชาวบ้านเรียกท่านว่า ครูบาผ้าลาย เวลาคนเข้ามาใกล้ ท่านก็พูดว่าเหม็น แล้วก็บ้วนน้ำลาย ขากเสลด ต่อหน้า แต่การปฏิบัติของท่านกลับเคร่งครัด และมีผู้ที่ได้สัมผัสกับท่านแล้วจะทราบว่า ท่านเป็นผู้ทรงญาณ หยั่งรู้ ทำให้ภายหลังมีคนศรัทธาที่เคารพนับถือท่านมากขึ้น และที่อัศจรรย์คือ เมื่อท่านละสังขารแล้ว อัฐิและอังคารของท่านได้แปรสภาพเป็นพระธาตุอย่างรวดเร็ว
สาเหตุแห่งการเปลี่ยนผ้าครองจากผ้ากาสาวพัสตร์มาเป็นการนุ่งห่มผ้าลายเหมือนผู้หญิงไทยใหญ่มีชาวบ้านเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีสองสามีภรรยาเกิดทะเลาะวิวาทเรื่องครอบครัวกันอย่างรุนแรง ฝ่ายภรรยาก็วิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดจากการทำร้ายของสามีเข้ามาในวัดขุ่มเพื่อ หวังที่จะพึ่งคุณพระ และสามีก็วิ่งไล่ตามเข้ามาทันพอได้โอกาสก็ใช้มีดฟันภรรยาของตนเองเสียชีวิต ต่อหน้าต่อตาครูบาเจ้าสมหมาย โดยที่ท่านไม่มีโอกาสที่จะช่วยเหลือ ห้ามปรามไว้ได้เลย ทำให้ท่านเกิดความสะเทือนใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นไว้ได้ทัน ตั้งแต่บัดนั้นท่านจึงเปลี่ยนการครองผ้ากาสาวพัสตร์มาเป็นการนุ่มห่มผ้าซิ่น ลาย และสวมเสื้อแบบผู้หญิงไทยใหญ่ (ส่วนใหญ่ท่านจะชอบใส่เสื้อแบบผู้หญิงไทใหญ่สีขาว) ไว้ผมยาวและเกล้ามวยผมของท่าน ซึ่งศรัทธาชาวบ้านได้เรียกขานขนานนามท่านครูบาเจ้าสมหมายว่า “พระผีบ้า ไว้ผมยาว ใส่ผ้าถุก นุ่งผ้าลาย ปะแป้งเหมือนผู้หญิง พระจิงอูปัตติยะ” ด้วยอาจเพราะท่านเกิดความสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคงเพื่อเป็นการไว้ทุกข์หรืออุทิศส่วนกุศล ให้กับผู้หญิงที่เสียชีวิตคนนั้นก็เป็นได้ หรืออีกประการหนึ่งที่ชาวบ้านสังเกตเห็นว่าตั้งแต่ท่านได้ย้ายสถานที่จำวัด ลงมาอยู่ที่กุฏิด้านล่างท่านไม่ค่อยสุงสิงพูดคุยกับใคร แต่ส่วนใหญ่จะเห็นท่านเข้าไปอยู่ในกุฏิเงียบๆ อยู่รูปเดียวเกือบตลอดทั้งวัน พฤติกรรมของท่านที่กระทำคล้ายกับคนเสียสติ (คนบ้านซึ่งชาวบ้านบางคนที่แสดงอาการไม่นับถือท่าน เรียกว่าพระผีบ้า) ท่านจึงไม่ค่อยสนใจใครๆ ใครมาหาท่าน มาอยู่ใกล้ๆ ท่าน ท่านก็จะพูดว่า เหม็นๆ บ้วนน้ำลายถุยถ่มน้ำลายไปเรื่อยๆ จนชาวบ้านบางคนเกิดความสงสัยว่าท่านเสียสติ จริงหรือเปล่า แต่เมื่อสังเกตและดูไปนานๆ แล้ว ก็ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะเป็นคนที่เสียสติเช่นนั้น เพราะผลจากการประพฤติปฏิบัติธรรม ของท่านครูบาเจ้าสมหมาย จนทำให้เกิดเหตุแปลกอัศจรรย์ใจแห่ผู้ที่เคารพนับถือ และคอยดูแล อุปฐากรับใช้ใกล้ชิดท่านว่า ครูบาเจ้าสมหมายเป็นผู้รู้วาระจิตของบุคคลที่เข้ามาหาท่านว่าเป็นเช่นไร มีความประสงค์อะไร และสิ่งของที่นำมาถวายท่าน เป็นของที่บริสุทธิ์หรือไม่ ผู้ถวายมีความเต็มใจที่จะถวายท่านก็จะรับไว้ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ตรงกันข้ามท่านก็จะไม่รับสิ่งของนั้นเลย ด้วยเพราะท่านทราบวาระจิต หยั่งรู้วาระจิตของคนและสัตว์ ดังนั้นท่านจึงทราบว่าใครไปไหนมาไหน ไปทำอะไรอย่างไรท่านทราบหมด จนทำให้ศรัทธาชาวบ้านแถบละแวกนั้นสะดุ้งไปหลายคน จนเป็นที่โจษขานจากศรัทธาชาวบ้านขุนยวมและใกล้เคียงว่าท่าน เป็นบุคคลที่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ เป็นแน่แท้และที่แปลกน่าขบคิดของท่านอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตรงบริเวณหน้ากุฏิของท่าน ท่านจะตักน้ำใส่ถังไว้ ๒-๓ ถัง ทุกวัน และท่านจะชอบใช้แป้งเด็กโรยไว้เต็มบริเวณหน้ากุฏิอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ในกุฏิที่ท่านจำวัดอยู่ และสาดน้ำเปียกชุ่ม ขัดถูกุฏิไปทั้งวันหากมีใครมาหาท่าน ถ้าท่านเห็นว่าเป็นคนกิเลสหนาบาปหนัก ท่านจะ
ตักน้ำในถังเข้าสาดใส่โดยบุคคลนั้นแทบไม่ทันตั้งตัวได้เลย ถ้าเป็นคนดีบาปเบากิเลสน้อย ท่านก็จะตักน้ำสาดเล็กๆน้อยๆ ไม่ถึงกับเปียกมาก และถ้าเป็นคนดีไม่มีสิ่งใดด่างพร้อยท่านก็จะไม่ทำอะไรไม่ว่าอะไร ในแต่ละวันกุฏิของท่านที่พักอาศัยอยู่โดยเฉพาะบริเวณนอกชานกุฏิท่าน จะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่ท่านจะตักมาเพื่อรดราดล้างกุฏิตลอดทั้งวัน และโรยแป้งเด็กไปโดยทั่วจนพื้นกระดานดูขาวไปหมด
ครูบาผ้าลาย (สมหมาย นันทิโย)
วัดขุ่ม จ.แม่ฮ่องสอน
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250