อุปสมบท
โยมป้าเป็นผู้มีนิสัยชอบในการทําบุญเป็นประจํามิได้ขาด จะจัดแต่งสํารับและข้าวเหนียวไว้ให้หลานชายใส่บาตรที่หน้าบ้านเป็นประจํา ป้าจะบอกว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้ใส่บาตร แม่เจ้าที่ตายไปนั้น ก็ไม่ได้กินข้าวนะ แต่ถ้าเจ้าได้ใส่บาตรนี้ ก็เหมือนกับตักข้าวใส่ปากแม่เจ้านั่นล่ะ” ทําให้มีความขยันในการทําบุญอยู่เสมอ จนอายุ ครบบวช ป้าจึงบอกว่า.. “บวชให้แม่ป้าด้วยนะลูก” ปีนั้นมีเพื่อนบวชกันหลายคน เป็นการบวชตามประเพณีที่ทําสืบต่อกันมา ท่านจึงสละเพศฆราวาสออกบวชด้วยความเต็มใจ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ณ พระอุโบสถวัดศรีจันทร์ ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมี ท่านเจ้าคุณพระวินัยสุนทรเมธี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาดุสิต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาปรีชา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “สุจิณฺโณ” แปลว่า “ผู้ประพฤติดีแล้ว”
ถวายตัวเป็นศิษย์พ่อแม่ครูบาอาจารย์
พรรษาที่ ๕-๖ (ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๑ – พ.ศ.๒๕๑๒) ได้อยู่จําพรรษากับหลวงปู่อุ้ย สุมังคโล ณ วัดป่ากลันทกาวาส (วัดป่าภูกระแต) อําเภอศรีบุญเรือง จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันคือจังหวัด หนองบัวลําภู) ได้บําเพ็ญเพียรอย่างต่อเนื่อง จนเกิดความมั่นใจในมรรคผลนิพพาน หลวงปู่อุ้ย เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านเคารพนับถืออย่างสุดหัวใจ
ในคราวธุดงค์กับหมู่คณะมาที่วัดป่าตาดฟ้า (เขาสวนกวาง) วัดถ้ำยาว และบ้านทมนางาม จึงได้พบกับหลวงปู่สว่าง โอภาโส ซึ่งขณะนั้นกําลังก่อสร้างพระพุทธรูปใหญ่บน
ภูเขา (ปี พ.ศ.๒๕๑๓) ต่อมาท่านได้จําพรรษาด้วยกัน พอถึงหน้าแล้ง หลวงปู่สว่างพาขึ้นไปวิเวกบนเขาสวนกวาง ฉันเสร็จก็ขึ้นเขา แล้วกลับลงมาบิณฑบาต ฉันที่วัด “ไม่ได้พูดคุยกันหรอก ต่างคนต่างภาวนา” ต่อมาก็วนเวียนเข้าออกมาเยี่ยมหลวงปู่สว่างอยู่เสมอ
มรณภาพ
หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ท่านละสังขารด้วยอาการอันสงบตามกฎแห่งธรรมชาติ เมื่อวันพุธที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๐๔.๕๐ น. ณ วัดป่าสุจิณโณ สิริรวมอายุได้ ๗๕ ปี ๑๑ เดือน ๒๒ วัน ๕๕ พรรษา และทำพิธีถวายเพลิงสรีระสังขาร ในวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เวลา ๑๖.๐๐ น. ซึ่งช่วงท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านสั่งลูกศิษย์ว่า เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ให้ทำการเผาภายในเจ็ดวัน อย่าเก็บไว้นานจะทำให้เป็นภาระแก่คณะศิษย์ การมรณภาพของ หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ นั้น นำความอาลัยมาสู่สานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง