จากนั้นได้มาอยู่ที่ป่าช้าบ้านไชยวาน จ.อุดรธานี และสร้างวัดป่าขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๙๓ พระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุมโล) วัดโพธิสมภรณ์ เจ้าคณะ จ.อุดรธานี ฝ่ายธรรมยุต ได้ให้นามว่า “วัดป่าสันติกาวาส” ตั้งแต่พรรษาที่ ๑๕ ท่านจําพรรษาที่วัดป่าสันติกาวาส จนถึงพรรษาที่ ๕๙ อันเป็นวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ตรงกับ วันที่ ๑๘ มิ.ย. 2๒๕๓๘ สิริรวมอายุได้ ๗๘ ปี ๙ เดือน ๓ วัน
หลวงปู่จันทร์เป็นพระเถระที่สหธรรมิกรุ่นพี่ และ รุ่นน้องในกองทัพธรรมของพระอาจารย์มั่น ให้การยอมรับนับถือในวัตรปฏิบัติและปฏิปทาโดยเฉพาะในเรื่องของการธุดงควัตรที่เคร่งครัด และ พิถีพิถันตลอดการธุดงค์ ท่านสัมผัสกับครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายรูป อาทิ หลวงปู่บัวพา ปัญญาภา โส, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, หลวงปู่คําดี ปภาโส, หลวงปู่บัว สิริปุญโญ, พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร, พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, พระอาจารย์วัน อุตตโม, พระอาจารย์ลี ธัมมธโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล, หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย, หลวงปู่หลุย จันทสาโร, หลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ฯลฯ การได้สนทนาธรรม และรับคําสั่งสอนจากพระคณาจารย์เหล่านี้ จึงทําให้มีความรู้เชี่ยวชาญในเชิงธรรมอย่างฉกาจ ผนวกกับอุปนิสัยเป็นผู้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทใน การทําความดีมาแต่เด็ก รักความสงบ พูดจริงทําจริง พูดน้อยแต่ทํามาก และมีนิสัยชอบภาวนา มีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ แม้จะพูดน้อย แต่ทุกคําเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ เปี่ยมเหตุผล มีความหมายอย่างลุ่มลึก เว้นเสียแต่ผู้มีหูหนาปัญญาทึบเท่านั้นจึงจะฟังธรรมของท่านไม่รู้เรื่อง ธรรมเทศนาที่แสดงนั้น ล้วนมีใจความที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระอันลึกซึ่งแยบคาย โดยจะเน้นไปในเรื่องการพิจารณากายและใจเป็นสําคัญ ทุกวันยามเช้า เมื่อพระเณรออกไปบิณฑบาต ท่านจะออกจากกุฏิมานั่งที่ศาลาฉัน เพื่อรอบิณฑบาตในศาลา เวลาพระเณรกลับมาจนครบระหว่างนั้นท่านจะเขียนธรรมะพุทธภาษิตสั้นๆ ลง ในกระดาษที่พระอุปัฏฐากจัดวางถวายไว้ เช่น ปฏิทินเก่า หรือจดหมายที่พุทธศาสนิกชนส่งมาถึงบ้าน อาทิ
น จาปิ วิตฺเตน ชรํ วิหนฺติ. กําจัดความแก่ด้วยทรัพย์ไม่ได้
น ทีฆมายุํ ลภเต ธเนน. คนไม่ได้อายุยืนเพราะทรัพย์
โกธํ ฆตฺวา สุขํ น โสจติ. ฆ่าความโกรธได้แล้วย่อมไม่เศร้าโศก
ณาทานํ ทุกฺขํ โลเก. การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก
สพฺพญฺเจ ปฐวี ทชฺชา เนว นํ อภิราธเย..ถึงแม้ให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญให้จงรักไม่ได้ ฯลฯ
ในการแสดงธรรม ท่านมักจะยกนิทานหรือชาดก หรือเรื่องของครูบาอาจารย์มาเป็นตัวอย่างในการสอน
แลจะทําให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่เพียงแต่พูดให้ฟังเวลาท่านไปโปรดญาติโยมในสถานที่ต่างๆ จะมีผู้สนใจมากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับท่านเป็นจํานวนมาก ทั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มสนใจปฏิบัติภาวนาและผู้ที่ปฏิบัติมาบ้างแล้วคําตอบที่ท่านให้แก่ผู้ที่มีปัญหาอยู่ในใจแต่ละคน ล้วนมีความชัดเจน และอธิบายได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง สามารถนํามาเป็นแนวทางในการปฏิบัติภาวนาได้ ในยามว่าง ท่านมักใช้เวลาให้หมดไปกับการบันทึกธรรมะต่างๆ และตํารายาบางชนิด โดยสาระธรรมเหล่านั้นมักพบได้ตามแผ่นกระดาษต่างๆ แม้แต่เศษกระดาษ ถึงแม้ทุกวันนี้วัดป่าสันติกาวาสจะไร้ซึ่งสังขารของ หลวงปู่บุญจันทร์เป็นมิ่งขวัญทว่า วัดป่าแห่งนี้ยังคงโดดเด่นด้วยถาวร วัตถุอันเกิดจากน้ําพักน้ําแรงของท่านให้เห็นเป็นอนุสรณ์และยังคงเป็นสถานที่อันสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยป่าไผ่ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม สมดังเจตนารมณ์แต่ครั้งริเริ่ม สร้างอารามแห่งนี้สอดคล้องกับคําสอนที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่เราทําลงไปแล้ว มันภูมิใจ ดีใจ เต็มใจอยู่อย่างนั้น มีความยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบานนั้น จึงได้ ชื่อว่า บุญเมื่อได้ให้ได้ทําแล้วมันก็เป็นความสุข สุขทางกาย สุขทางใจ” หลวงปู่บุญจันทร์ จึงอุปมาดั่งผู้ที่หลุดพ้นแล้วจาก อาสวะทั้งปวง เสมือนบัวที่หลุดพ้นแล้วจากโคลนตม สมฉายานาม “กมโล” ไม่ว่าจะอยู่หรือจากไป ก็เป็นชั่วธรรมงดงาม!