วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
พ.ศ. (ไม่ปรากฎหลักฐาน) - พ.ศ. 2359
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ดำรงพระยศ พ.ศ. 2337 - พ.ศ. 2359
สมณุตตมาภิเษก พ.ศ. 2337
สถิต วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
นิกาย มหานิกาย
ประสูติ -
สิ้นพระชนม์ 17 เมษายน พ.ศ. 2359
พระชนมายุ 80 พรรษา (โดยประมาณ)
พระประวัติเบื้องต้น
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดให้เลื่อนเป็นพระพนรัตน ซึ่งเป็นตำแหน่งรองสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) ทรงเป็นอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ รูปที่ 1 ในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งสมัยนั้นวัดมหาธาตุยังเรียกว่า “วัดสลัก” ตั้งอยู่ในเขตพระนครและเป็นพระอารามหลวงมาตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรี และเมื่อปีพ.ศ. 2437 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ปฏิสังขรณ์แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์”
การสังคายนาพระไตรปิฎก
เมื่อ พ.ศ. 2331 สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) ซึ่งขณะนั้นทรงสมณศักดิ์ที่ พระพนรัตน ทรงเป็นแม่กองชำระพระวินัยปิฎก สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงทรงสันนิษฐานว่า คงทรงเป็นเปรียญมาแต่ครั้งกรุงเก่า
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พ.ศ. 2337 ในรัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดตั้งพระพนรัตน (ศุข) เป็นสมเด็จพระสังฆราช นับเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และโปรดให้สถิต ณ วัดมหาธาตุนั้นสืบไป
พระกรณียกิจในรัชกาลที่ 2
สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) ทรงมีพระชนม์อายุยืนยาวมาถึงรัชกาลที่ 2 ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ และเมื่อครั้งรัชกาลที่ 2 ได้โปรดให้จัดสมณทูตไทยไปลังกา สมเด็จพระสังฆราช (ศุข)
คงเป็นที่ทรงปรึกษา เพราะทรงเป็นพระมหาเถระรัตตัญญูอยู่ในเวลานั้น ทั้งทรงทันรู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ
สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) ทรงดำรงตำแหน่งมหาสังฆปรินายกเป็นเวลา 23 ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2359
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250