พระนารทพุทธเจ้า
นารทพุทธวงศ์ที่ 9
ว่าด้วยพระประวัติพระนารทพุทธเจ้า
สมัยต่อมาจากพระปทุมบรมศาสดาพระสัมพุทธเจ้าผู้อุดมกว่าสรรพสัตว์ มีพระนามชื่อว่านารทะ เป็นบุคคลผู้ไม่มีใครเปรียบเสมอ พระองค์เป็นพระเชษฐโอรสที่ทรงโปรดปรานของพระเจ้าจักรพรรดิ ทรงสวมใส่อาภรณ์แก้วมณี เสด็จไปยังพระราชอุทยานในพระราชอุทยานนั้น มีต้นไม้โตใหญ่แผ่กิ่งก้านสวยงาม พระองค์เสด็จถึงท่ามกลางพระราชอุทยานนั้นแล้ว ประทับนั่งภายใต้ต้นอ้อยช้างใหญ่ ณ ที่นั้น เกิดพระญาณอันประเสริฐไม่มีที่สุด เปรียบด้วยวิเชียร ทรงพิจารณาสังขารทั้งเปิดเผยทั้งปกปิดด้วยพระญาณนั้นทรงลอยกิเลสทั้งปวงโดยไม่เหลือ ณ ที่นั้น ทรงบรรลุพระโพธิญาณทั้งสิ้น และพระพุทธญาณ 14 ครั้ง ครั้นทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 ได้มีแก่สัตว์แสนโกฏิ เมื่อพระมหามุนีทรงปราบนาคราชผู้มีตัวโตเท่าเรือโกลนใหญ่ ได้ทรงปาฏิหาริย์แสดงให้เห็นในมนุษยโลกพร้อมด้วยเทวโลก ในการที่ทรงประกาศธรรมแก่เทวดาและมนุษย์ครั้งนั้น เทวดาและมนุษย์เก้าหมื่นโกฏิข้ามความสงสัยทั้งปวงได้ ในกาลเมื่อพระมหาวีรเจ้าตรัสสอนพระราชโอรสของพระองค์ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 ได้มีแก่เทวดาและมนุษย์แปดหมื่นโกฏิ พระนารทบรมศาสดาทรงมีการประชุมพระสาวก 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระสาวกแสนโกฏิมาประชุมกันครั้งที่ 2 ในคราวเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธคุณพร้อมด้วยเหตุ พระสาวกผู้ปราศจากมลทินเก้าหมื่นโกฏิมาประชุมครั้งที่ 3 ในคราวที่เวโรจในนาคราชถวายทานแด่พระศาสดา พระสาวกชินบุตรแปดโกฏิมาประชุมกัน
สมัยนั้นเราเป็นชฎิลผู้มีตบะอันรุ่งเรืองถึงที่สุดในอภิญญา 5 เหมาะไปในอากาศได้ แม้ครั้งนั้นเราก็ถวายข้าวและน้ำให้พระศาสดาเสวยพร้อมด้วยพระสงฆ์และบริวารชนจนเพียงพอ แล้วได้บูชาด้วยไม้จันทน์ แม้พระนารทบรมศาสดานายกของโลกพระองค์นั้น ก็ทรงพยากรณ์เราในครั้งนั้นว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ..... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว มีใจยินดีอย่างยิ่งอธิษฐานวัตรเป็นอย่างเลิศเพื่อบำเพ็ญบารมี 10 ประการ พระนครชื่อว่าธัญญวดี พระมหากษัตริย์พระนามว่าสุเทพเป็นพระชนกของพระนารทบรมศาสดา พระนางอโนมาเป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่เก้าพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อชิตะ วิชิตะ และอภิรามะ มีพระสนมนารีกำนัลในสี่หมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าวิชิตเสนา พระราชโอรสพระนามว่านันทุตตระ พระองค์ผู้เป็นบุรุษอุดม ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวช ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 7 วัน พระนารทมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ ธนัญชอุทยาน อันประเสริฐ ทรงมีพระภัททสาลเถระและพระชิตมิตตเถระเป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าวาเสฏฐะ เป็นพระพุทธุปัฏฐาก พระอุตตราเถรีและพระผัคคุนีเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกกันว่าไม้อ้อยช้างใหญ่ อุคครินทอุบาสกและวสภอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก อินทวรีอุบาสิกาและคัณฑีอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา พระมหามุนีมีพระองค์สูง 88 ศอก มีพระรัศมีงามเช่นกับทองคำล้ำค่าสว่างไสวไปในหมื่นโลกธาตุ พระองค์มีพระรัศมีซ่านออกจากพระวรกายด้านละวา ซ่านออกไปทั่วทิศน้อยใหญ่ แผ่ไปไกลโยชน์หนึ่งทั้งกลางวันกลางคืนทุกเมื่อ สมัยนั้น ในระยะโยชน์หนึ่งโดยรอบ ใครๆ ไม่ต้องตามประทีปโคมไฟ พระพุทธรัศมีส่องให้สว่างจ้า
ในกาลนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุเก้าหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏฏสงสารได้มากมาย พระศาสนาของพระองค์งามวิจิตรด้วยพระอรหันต์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนท้องฟ้าย่อมงามวิจิตรด้วยหมู่ดาว ฉะนั้น พระนราสภ พระองค์นั้นทรงสร้างสะพานไว้มั่นคง สำหรับให้คนที่เหลือดำเนินข้ามกระแสสงสารแล้วเสด็จนิพพาน แม้พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอเหมือนพระองค์นั้น และพระขีณาสพผู้มีเดชเทียบไม่ได้เหล่านั้นก็หายไปหมดสิ้นแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระนารทชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพาน ณ สุทัสนนคร พระสถูปอันประเสริฐสูง 4 โยชน์ก็ประดิษฐานอยู่ ณ นครนั้น ฉะนี้แล.
จบนารทพุทธวงศ์ที่ 9
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้เป็นสารถีประเสริฐ
ความสูง : 88 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปในหมื่นโลกธาตุ
บำเพ็ญบารมี : ๔ อสงไขยแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าสุเทวะ
พุทธมารดา : พระนางอโนมาเทวี
พระนคร : ธัญญวดี
ใช้ชีวิตฆราวาส : 9,000 ปี
มเหสี : วิชิตเสนา
บุตร : นันทุตตระ
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงเดินเท้าออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 7 วัน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นมหาโสณะ (ต้นอ้อยช้างใหญ่)
อายุขัย : 90,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ สุทัสนนคร
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250