พระวิปัสสีพุทธเจ้า
วิปัสสีพุทธวงศ์ที่ 19
ว่าด้วยพระประวัติพระวิปัสสีพุทธเจ้า
ในกัปต่อมาจากพระปุสสพุทธเจ้า มีพระสัมพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่าสัตว์ ผู้มีจักษุ มีพระนามว่าวิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรงทำลายกระเปาะฟองไข่คืออวิชชาแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม เสด็จไปยังพระนครพันธุมดี เพื่อทรงประกาศพระธรรมจักร ทรงประกาศพระธรรมจักรให้เทวดาและมนุษย์ได้ตรัสรู้ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 1 จะพึงกล่าวด้วยการนับมิได้ ทรงประกาศจตุราริยสัจในพระนครนั้น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ 2 ได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นสี่พันมนุษย์แปดหมื่นสี่พันออกบวชตาม พระสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงแสดงธรรมแก่เขาผู้มาถึงอาราม พระชินเจ้าทรงตั้งอยู่ในเหตุโดยการตรัสด้วยอาการทั้งปวง แม้มนุษย์เหล่านั้นได้บรรลุธรรมอันประเสริฐเป็นธรรมาภิสมัยครั้งที่ 3 พระวิปัสสีบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันหกโกฏิแปดแสน ครั้งที่ 2 หนึ่งแสน ครั้งที่ 3 แปดหมื่น พระสัมพุทธเจ้าทรงรุ่งเรืองอย่างยิ่งในท่ามกลางหมู่พระภิกษุขีณาสพนั้น
สมัยนั้น เราเป็นพระยานาคราชผู้มีฤทธิ์มาก มีบุญ ทรงความรุ่งเรือง มีนามชื่อว่าอตุละ ในกาลนั้นเราแวดล้อมด้วยนาคหลายโกฏิเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นเชษฐบุรุษของโลก ประโคมดนตรีทิพย์ถวาย ครั้นเข้าเฝ้าพระองค์ผู้เป็นนายกของโลกแล้ว เรานิมนต์พระองค์แล้ว ได้ถวายตั่งทองอันวิจิตรด้วยแก้วมณีและแก้วมุกดา ประดับด้วยอาภรณ์ทั้งปวง แก่พระองค์ผู้เป็นพระธรรมราชา แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประทับนั่งท่ามกลางสงฆ์แล้ว ก็ทรงพยากรณ์เราว่า ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้ ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้วยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี 10 ประการให้ยิ่งขึ้นไป พระนครชื่อว่าพันธุมดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่าพันธุมะ เป็นพระชนกของพระวิปัสสีบรมศาสดา พระนางพันธุมดี เป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่แปดพันปี ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ 3 ปราสาท ชื่อนันทะ สุนันทะ และสิริมา ทรงมีพระสนมนารีกำนัลในสี่หมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสีพระนามว่าสุทัสนา พระราชโอรสพระนามว่าสมวัตตขันธ์ พระองค์ทรงเห็นนิมิต 4 ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยราชรถพระที่นั่งทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม พระวิปัสสีมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ มฤคทายวัน ทรงมีพระขันธเถระและพระติสสนามเถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าอโสก เป็นพระพุทธอุปัฏฐากพระจันทาเถรีและพระจันทมิตตาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระองค์เรียกกันว่าไม้แคฝอย ปุนัพพสุมิตตอุบาสกและนาคอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก สิริมาอุบาสิกาและอุตตราอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา
พระวิปัสสีสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกสูง 80 ศอก พระองค์มีพระรัศมีเปล่งปลั่ง แผ่ไป 7 โยชน์ โดยรอบ ครั้งนั้น พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุแปดหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่เท่านั้น ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นวัฏฏสงสารเป็นอันมาก ทรงเปลื้องเทวดาและมนุษย์เป็นอันมากให้พ้นจากเครื่องผูก ตรัสบอกทางและมิใช่ทางแก่ปุถุชนที่เหลือ ทรงแสดงแสงสว่าง ทรงแสดงอมตบททรงรุ่งเรืองดังกองไฟ แล้วเสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก พระฤทธิ์และบุญอันประเสริฐ พระลักษณะและลายจันทรอันสวยงามทุกอย่างหายไปสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระวิปัสสิวีรเจ้าผู้ประเสริฐกว่านรชน เสด็จนิพพาน ณ สุมิตตาราม พระสถูปอันประเสริฐของพระองค์สูง 7 โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ สุมิตตารามนั้น ฉะนี้แล.
จบวิปัสสีพุทธวงศ์ที่ 19
ที่มา: พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 (ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก)
ฉายา : ผู้หาที่เปรียบมิได้
ความสูง : 80 ศอก
รัศมี : แผ่ซานออกไปไกล 7 โยชน์โดยรอบ
บำเพ็ญบารมี : บำเพ็ญบารมีครบถ้วน
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา : พระเจ้าพันธุมะ
พุทธมารดา : พระนางพันธูมดี
พระนคร : พันธุมดี
ใช้ชีวิตฆราวาส : 8,000 ปี
มเหสี : สุทัสนา
บุตร : สมวัตตขันธ์
ยานพาหนะที่ใช้ออกบวช : ทรงราชรถออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : 8 เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นปาตลี (ต้นแคฝอย)
อายุขัย : 80,000 ปี จึงปรินิพพาน ณ สุมิตตาราม
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250