ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระอุปสีวเถระ เป็นบุตรพราหมณ์ในพระนครสาวัตถี เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของพราหมณ์พาวรีผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลเพื่อศึกษาศิลปวิทยา ต่อมาพราหมณ์พาวรี มีความเบื่อหน่ายในฆราวาส จึงออกบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรต ตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี เป็นคณาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ อุปสีวมาณพ ได้ออกบวชติดตามไปศึกษาศิลปวิทยาอยู่ด้วย และอยู่ในมาณพ 16 คนที่พราหมณ์พาวรีผูกปัญหาให้ไปทูลถาม ท่านได้ทูลขอโอกาสถามปัญหาเป็นคนที่หกว่า
ลำพังข้าพระพุทธเจ้าผู้เดียว ไม่ได้อาศัยอะไร และไม่อาจข้ามห้วงทะเลใหญ่ คือ กิเลสได้ ขอพระองค์ตรัสบอกอารมณ์ที่หน่วงเหนี่ยวซึ่งข้าพระพุทธเจ้าจะควรอาศัยข้ามห้วงนี้แก่พระพุทธเจ้าเถิด พระบรมศาสดา ทรงพยากรณ์ว่า ท่านจงเป็นผู้มีสติ เพ่งอากิญจัญญายตนญาณ อาศัยอารมณ์ว่าไม่มี ๆ ดังนี้ ข้ามห้วงทะเลใหญ่เถิด ท่านจงละกามทั้งหลายเสีย เป็นคนหมดความสงสัย เห็นความหมดไปแห่งความทะยานอยากได้ชัดเจนทั้งกลางวันกลางคืนเถิด อุปสีวมาณพทูลถามว่า ผู้ใดปราศจากความกำหนัด ในกามทั้งหลายทั้งปวงแล้ว ตัดญาณอื่นได้แล้ว อาศัยอากิญจัญญายตนญาณ คือ ความเพ่งใจว่า “ไม่มีอะไร” เป็นอารมณ์ น้อมใจไปแล้ว ในอากิญจัญญายตนญาณ ซึ่งเป็นธรรมที่เปลื้องสัญญา อย่างประเสริฐสุด ผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนญาณนั้นไม่มีเสื่อมบ้างหรือ พระพุทธเจ้าตอบว่า ผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญจัญญยตนญาณนั้น ไม่เสื่อม
อุปสีวมาณพถามต่อว่า ถ้าผู้นั้นจะตั้งอยู่ในอากิญจัญญายตนญาณนั้น ไม่มีเสื่อมสิ้นไป เขาจะเป็นคนยั่งยืนอยู่ในอากิญจัญญายตนญาณนั้น หรือจะดับขันธปรินิพพาน วิญญาณของคนเช่นนั้นจะเป็นฉันใด
พระพุทธเจ้าตอบว่า เปลวไฟอันกำลังลมเป่าแล้ว ดับไป ไม่ถึงความนับว่า ได้ไปแล้วข้างทิศไหน ฉันใด ท่านผู้รู้พ้นไปแล้วจากกองนามรูป ย่อมดับไม่มีเหลือ คือ ดับพร้อมทั้งกิเลส ทั้งขันธ์ คือ ร่างกาย ไม่ต้องไปเกิดเป็นอะไรอีกฉันนั้น
อุปสีวมาณพถามต่อว่า ท่านผู้นั้นดับไปแล้ว หรือ เป็นเพียงแต่ไม่มีตัว หรือ จะเป็นผู้ตั้งอยู่ยั่งยืน หาอันตรายมิได้ ขอพระองค์ทรงพยากรณ์ความข้อนั้นแก่ข้าพเจ้าเพราะว่าธรรมนั้นพระองค์ได้ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์ตอบว่า ผู้ที่ดับขันธปรินิพพานแล้ว มิได้มีกิเลส ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดในชาติต่อไปอีก เพราะฉะนั้น ประมาณแห่งเบญจขันธ์ของผู้นั้น ไม่มีอีกเมื่อธรรมทั้งหลาย อันผู้นั้นขจัดได้หมดแล้วก็ไม่ต้องกล่าวถึงว่าผู้นั้นจะไปเกิดเป็นอะไรอีก ครั้นพระบรมศาสดาทรงแก้ปัญหา ที่อุปสีวมาณพทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดแห่งการแก้ปัญหา อุปสีวมาณพก็ได้บรรลุพระอรหัตผล (ก่อนอุปสมบท) เมื่อการพยากรณ์ปัญหาแห่งมาณพนอกนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว อุปสีวมาณพ พร้อมด้วยมาณพอีกสิบห้าคน ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย ด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
41 ซอยพัฒนาการ 64 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250